ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้องกรมเจ้าท่าปมถูกชาวประมงจะนะ สงขลา ฟ้อง สร้างเขื่อนถมที่ดินกลางทะเล

ศาลปกครองสูงสุด ยกฟ้องกรมเจ้าท่าปมถูกชาวประมงจะนะ สงขลา ฟ้อง สร้างเขื่อนถมที่ดินกลางทะเล

เมื่อวันที่ 26 มกราคม  ศาลปกครองสงขลาอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดงที่ อ. 1328/2565 กรณีผู้ฟ้องคดีทั้งสามได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นร่องน้ำสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ซึ่งมีผลกระทบต่อการประกอบอาชีพการประมงของผู้ฟ้องคดีทั้งสามจึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลปกครองสงขลา

โดยศาลปกครองสงขลาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมเจ้าท่าจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ภายใน 30 วันนับ แต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด

ต่อมาศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาว่าโครงการก่อสร้างเขื่อนที่พิพาทของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมเจ้าท่า) เป็นการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นที่บริเวณปากร่องน้ำสะกอมเพื่อใช้ในการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือไม่ให้ถูกตะกอนทับถมช่วยให้ร่องน้ำเปิดทำให้การเดินเรือสะดวกและมีความปลอดภัยการก่อสร้างโครงการดังกล่าวมีลักษณะเป็นเขื่อนหินทิ้งมิได้เป็นการดำเนินการให้มีผืนแผ่นดินหรือพื้นดินขึ้นใหม่กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการถมที่ดินในทะเลที่อยู่ในบังคับที่จะต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเรื่องกำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการของส่วนราชการรัฐวิสาหกิจหรือเอกชนที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2535) ลงวันที่ 9 ก.ย.2535 และไม่ต้องมีรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามข้อ 2(6) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 63(พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทยพ.ศ.2556 แม้การกัดเซาะชายฝั่งทะเลจะยังคงมีอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าเกิดจากการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นร่องน้ำสะกอมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมเจ้าท่า) แต่เพียงอย่างเดียวหาก แต่อาจเกิดจากปัจจัยอื่นทางธรรมชาติประกอบด้วย

อย่างไรก็ดีเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าภายหลังการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นร่องน้ำสะกอมของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมเจ้าท่า) แล้วเสร็จผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมเจ้าท่า) ได้มีการติดตามสภาพการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งจากการกัดเซาะชายฝั่งทะเลซึ่งเกิดขึ้นโดยทั่วไปตลอดแนวชายฝั่ง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1(กรมเจ้าท่า) ยังได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลบริเวณหาดสะกอม

Advertisement

กรณีจึงเห็นได้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1(กรมเจ้าท่า) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมเจ้าท่า) ได้ดำเนินการติดตามฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะของชายหาดสะกอมแล้ว ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายกฟ้อง

สามารถอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดตามลิงก์ 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image