ส่องอนาคตโดมิโน‘ประกันภัย’ กูรูหุ้น-การเงิน ส่งสัญญาณกะรุ่งกะริ่ง

ส่องอนาคตโดมิโน‘ประกันภัย’ กูรูหุ้น-การเงิน ส่งสัญญาณกะรุ่งกะริ่ง

การระบาดโควิด-19 เรียกได้ว่าส่งผลกระทบแบบครอบจักรวาล เหมือนมาตรการป้องกันโควิด-19 ครอบจักรวาล ที่สาธารณสุขพยายามให้ทั้งหน่วยงานเอกชน รัฐบาล และประชาชนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดที่รุนแรงและลากยาว จนศักยภาพในการดูแลรักษาของโรงพยาบาลไม่สามารถรองรับได้ เหมือนช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 ที่เรียกได้ว่าเป็นช่วงสูงสุด (พีค) ของการระบาดโควิด เนื่องจากเห็นยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2 หมื่นคนต่อวัน ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง200 คนต่อวัน

⦁โควิดทุบทุกธุรกิจทรุด
ผลกระทบของโควิด ลุกลามไปตั้งแต่ภาคการท่องเที่ยวการลงทุน การอุปโภค-บริโภค ซึ่งเรียกได้ว่าแทบไม่มีธุรกิจใดที่ไม่ได้รับผลกระทบ ขึ้นอยู่แค่ว่าจะมากหรือน้อยเท่าใดเท่านั้นเอง โดยหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิดอย่างรุนแรง คือ ธุรกิจประกันภัย ที่ได้ออกกรมธรรม์ประกันโควิด “เจอ จ่าย จบ” ซึ่งดึงดูดใจด้วยเบี้ยประกันจ่ายที่อยู่เพียงหลักร้อยถึงพันต้นๆ เท่านั้น แต่สามารถเคลมประกันได้ในหลักหมื่นขึ้นไปจนถึงหลักแสนบาท ทำให้เมื่อสถานการณ์การระบาดโควิดยังไม่คลายตัวก็มีผู้ซื้อประกันจำนวนหลายล้านคน

ในช่วงการระบาดโควิดที่พุ่งถึงจุดพีค มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากนั้น ก็เห็นการทยอยเคลมประกันจากกรมธรรม์ที่ทำไว้ ซึ่งพอยอดมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจประกันโดยเฉพาะบริษัทที่โดดลงมาเล่นประกันโควิดในสัดส่วนมากๆ ก็เห็นแรงแผ่วในการจ่ายค่าเคลมประกัน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และการดูแลรักษาที่ครอบคลุมการติดเชื้อทุกระดับอาการ รวมถึงการสมทบค่าดูแลเพิ่มเติม เมื่อต้องเข้ารับการรักษาแบบนอนที่โรงพยาบาลด้วย

⦁หุ้นบริษัทประกันเสี่ยง‘รุ่งริ่ง’
แรงสะท้อนผลกระทบโควิดที่ทำธุรกิจประกันสั่นสะเทือน พิจารณาได้จากหุ้นหมวดอุตสาหกรรมประกันภัย และประกันชีวิต หรือ INSUR ที่ดัชนีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 15,210.65 จุดติดลบ 6.72 บาทต่อหุ้น หรือ 0.04% จากทั้งหมด 18 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งขณะนี้มี 4 บริษัทแล้วที่ทยอยปิดธุรกิจหรือขอถอนใบอนุญาติประกันภัยโควิด เพราะทนแบกรับภาระสำรองเงินเพื่อรอจ่ายกรมธรรม์โควิดไม่ไหว ที่ออกมาในสื่อต่างๆ ทั้งชื่อ อาคเนย์ ประกันภัย สินมั่นคงประกันภัย เอเชียประกันภัย และเดอะ วัน ประกันภัย

Advertisement

กิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้น ในกลุ่มหุ้นประกันภัยเชื่อว่ายังได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่สหรัฐประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2564 ออกมาดี โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะได้ประโยชน์โดยตรงจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ปรับขึ้น แต่กลุ่มที่ได้ประโยชน์รองลงมาคือหุ้นกลุ่มประกัน เพราะได้ประโยชน์จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (บอนด์ยิลด์) ที่ปรับขึ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่กลุ่มประกันมีสัดส่วนการลงทุนมากที่สุดในพอร์ต

หากธนาคารกลางสหรัฐ ลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) และทำการขึ้นดอกเบี้ยทันที รวมถึงปรับลดงบดุลเพิ่ม จะส่งผลให้ตลาดทั่วโลก รวมถึงไทยในช่วงไตรมาส 1/2565 ผันผวนค่อนข้างมาก จากการดึงสภาพคล่องกลับที่เร็ว เพราะตามปกติแล้วหากตลาดคาดการณ์วงจรดอกเบี้ยขาขึ้นล่วงหน้าถูกต้อง การปรับพอร์ตจะล่วงหน้าประมาณ 6 เดือน แต่ตอนนี้กำลังเกิดความเสี่ยงที่ล่าช้า เพราะธนาคารกลางสหรัฐทำเร็วกว่าที่คิด

“การดึงสภาพคล่องกลับจะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกผันผวนได้ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยมองว่ารอบนี้จะไม่กระทบไม่มากเหมือนรอบปี 2556 แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็ว และการลดคิวอีเร็วกว่าคาด เพราะเม็ดเงินที่เข้ามาในตลาดเอเชียต่ำกว่าในช่วงปี 2556 ทำให้มีส่วนต่างอยู่ค่อนข้างมาก และเงินเฟ้อเอเชียยังไม่ได้เร่งตัวสูงขึ้นเหมือนประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้เมื่อเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัวมาก อัตราดอกเบี้ยก็จะไม่ได้ขึ้นตามสหรัฐทุกประเทศ ภาพของแรงกดดันต่อหุ้นไทยและเอเชียจะน้อยกว่า” กิติชาญกล่าว

Advertisement

⦁ฟันธงธุรกิจประกันเหนื่อยยาว
แนวโน้มธุรกิจประกันในปี 2565 ต้องเรียกว่าเป็นอีกปีที่ต้องเหนื่อยอีกสักระยะ โดย อานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า ธุรกิจประกันในปี 2565 ความร้อนแรงน่าจะมีไม่มากนัก เพราะมีบริษัท 4 รายที่ปิดตัวไปแล้ว ส่วนบริษัทที่เหลือก็ยังมีความเสียหายจากการระบาดโควิดอยู่ ทำให้ไม่สามารถประมาทในการดำเนินธุรกิจได้ โดยแนวทางในการแก้ปัญหาตอนนี้ ประเมินว่าคงแก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว เนื่องจากการบอกเลิกกรมธรรม์ก็ต้องใช้เวลาสักระยะ ซึ่งเวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว ทำให้บางบริษัทไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แล้ว

“ความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจประกันภัยต้องพิจารณากันวันต่อวัน เพราะขึ้นอยู่กับการระบาดโควิด-19 เป็นหลัก หากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นแตะหลักหมื่น และพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบจะรุนแรงขึ้น เพราะปัญหาตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับโควิด ซึ่งไม่สามารถเข้าไปแก้ไขอะไรได้แล้ว” อานนท์กล่าว

⦁ทิศทางเบี้ยประกันโตในอัตราต่ำ
เบี้ยโควิด-19 ในปี 2565 คงมีไม่เท่าปี 2564 แน่นอน โดยปี 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยจะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 263,200 ล้านบาท เติบโต 4.2% เมื่อเทียบจากช่วงปี 2563 แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ (motor)เติบโต 0.3% และประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (nonmotor) เติบโต 9.5% ซึ่งหลักๆ มาจากเบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน ที่เติบโตได้ 4.3% จากงานรับประกันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) และการรับประกันสินค้าส่งออกนำเข้าเติบโตดีขณะที่ประกันสุขภาพรวมประกันภัยโควิด-19 เติบโต 121.3%และประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เติบโต 8.2%

ส่วนในปี 2565 คาดการณ์เบี้ยประกันภัยรับรวมจะอยู่ที่ 267,100-269,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 2-3% ต่อปีใกล้เคียงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.5-4.5% ต่อปี แต่เบี้ยประกันยังจะต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดที่เติบโตเป็น 2 เท่าของจีดีพีได้

การระบาดโควิดในปี 2565 ยังไม่จบ ซึ่งต้องรอดูทิศทางความชัดเจนในเดือนมิถุนายนนี้ ว่าจะมีความรุนแรงมากน้อยเท่าใด เนื่องจากกรมธรรม์โควิดส่วนใหญ่มีผลดูแลจนถึงเดือนมิถุนายนนี้ มากกว่า 2 ล้านสัญญา หลังจากนั้นจะหมดอายุความคุ้มครอง ทำให้บริษัทประกันสามารถพิจารณาตัวเอง และเห็นความชัดเจนของธุรกิจว่าจะเดินหน้าไปได้ดีมากน้อยเท่าใดได้

ถอดบทเรียนจากกรณีที่เกิดขึ้น ด้านเอกชนก็มองว่าต้องรอบคอบขึ้น ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การหารือร่วมกับภาครัฐ จะต้องคุยกันตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม เพื่อให้ภาคเอกชนและภาครัฐ สามารถเห็นภาพในทิศทางเดียวกันให้ได้ มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจประกันมากที่สุด เพราะหากมองในส่วนกรมธรรม์โควิดอย่างเดียว อาจพูดว่าบริษัทประกันเอาเปรียบผู้บริโภคหรือไม่ ที่ยกเลิกการคุ้มครองกลางทางแบบนี้ แต่หากประเมินจากผู้ออกประกันภัยกลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือจากโควิด ก็มีมากเช่นกัน ทำให้ต้องมองภาพรวมของอุตสาหกรรม มากกว่ามองเป็นรายกลุ่ม และยังสะเทือนไปถึงนโยบายออมแห่งชาติ !!

แม้ความจริงบริษัทไม่เลิกกรมธรรม์จะดีที่สุด แต่หากไม่เลิกกรมธรรม์แล้วต้องล้มลายหรือปิดกิจการ ความเสียหายมีมากกว่า ทำให้ต้องเลือกแล้วว่า จะยอมเสียแขน หรือเสียชีวิต เพราะภาพตอนนี้ไม่เสียอะไรเลย เป็นไปไม่ได้แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image