ออมสิน ชี้ดอกเบี้ยขาขึ้น ไม่กระทบลูกค้ารายย่อยของธนาคาร ส่วนใหญ่ใช้อัตราคงที่ ลุยขยายปล่อยกู้ ทั่วไปผ่านแอพพลิเคชั่น
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 โดยยอมรับว่าทั่วโลกรวมทั้งประเทศอยู่ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เห็นได้จากตลาดพันธบัตรทั่วโลกผลตอบแทนมีการปรับขึ้นมาล่วงหน้าแล้ว หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ได้ส่งสัญญาณในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามในส่วนของประเทศไทย ปัจจัยที่มีผลต่อดอกเบี้ยจะประกอบด้วย 2 ส่วน คือ เรื่องของสภาพคล่องในตลาดเงินของประเทศ และ นโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ซึ่งหากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น ก็จำทำให้สถาบันการเงินมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตาม ซึ่งเชื่อในส่วนของประเทศไทยจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2565 แต่ในส่วนของลูกค้าธนาคารออมสิน โดยเฉพาะรายย่อย 3.5 ล้านราย ที่มีการเข้าสู่มาตรการช่วยเหลือทางการเงินโดยเฉพาะมาตราการจากภาครัฐในช่วงโควิด-19 จะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมาตรการมีระยะ 3-5 ปีเท่านั้น ซึ่งจะใช้อัตราดอกเบี้ยคงที่
“ธนาคารได้คาดการณ์แนวโน้มในระยะต่อไปหลังโควิด-19 คลี่คลาย ดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ดังนั้นในการออกมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องให้กับรายย่อย จึงออกแบบอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ เพื่อดูแลไม่ให้ผู้กู้ได้รับผลกระทบจากภาระดอกเบี้ยที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารออมสินให้จะประมาณ 3.99% – 4.99% ต่อปี” นายวิทัย กล่าว
นายวิทัย กล่าวว่า อย่างก็ตามในปี 2565 ธนาคารยังเดินหน้าพัฒนาการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิทัล (Digital Lending) หลังจากปีที่ผ่านธนาคารได้มีการนำร่องปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อฉุกเฉินผ่านแอพพลิเคชั่น MyMo ซึ่งสามารถปล่อยกู้ได้แล้วกว่า 1.5 ล้านคน และยังเปิดให้ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้ายื่นขอปรับโครงสร้างหนี้ผ่านแอพพลิเคชัน MyMo ได้ด้วย ซึ่งในปี 2565 จะขยายการปล่อยสินเชื่อปกติให้กับลูกค้ารายย่อยทั่วไป โดยจะเร่งเชื่อมระบบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้ประกอบพิจารณาการปล่อยสินเชื่อ (Alternative Data) เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้ารายย่อยเข้าถึงแหล่งเงินในระบบได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่เคยมีประวัติการกู้มาก่อน ซึ่งในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อให้กับรายย่อยที่ไม่เคยมีประวัติการการกู้เงินมาก่อน จำนวน 2.6 ล้านราย จากจำนวนสินเชื่อที่ปล่อยทั้งหมด 3.5 ล้านราย
