ก.พลังงานเลิกตรึงแอลพีจี ขึ้นราคา 1 เม.ย. เน้นช่วยคนจนแทน ยันทุ่มเงินกองทุนฯอุ้มน้ำมันช่วยคนทั้งประเทศ วอนรถบรรทุกเห็นใจ
ที่กระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน ประกอบด้วย นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และนายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ร่วมกันแถลงสถานการณ์พลังงานที่จะเกิดขึ้นในปี 2565 โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านราคาที่มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2564 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน เพื่อเตรียมแผนรับมือ และกำหนดมาตรการลดผลกระทบต่างๆให้ดีที่สุด
นายกุลิศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงพลังงานมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลบี5 ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยเหลือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีปริมาณการใช้กว่า 60 ล้านลิตรต่อวัน ใช้เงินกองทุนน้ำมันอุดหนุนถึงลิตรละ 3.79 บาทแล้ว แสดงว่าราคาขายปลีกจริงเกือบ 34 บาทต่อลิตร ทั้งนี้หากต้องลดราคาเหลือ 25 บาทต่อลิตรตามที่กลุ่มรถบรรทุกต้องการ เท่ากับว่ากองทุนฯต้องใช้เงินอุดหนุนถึงลิตรละ 9 บาท หรือประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท คงไม่สามารถหาเงินมาดูแลได้ ส่วนมาตรการทางภาษีเป็นอำนาจของกระทรวงการคลัง
ส่วนกรณีที่ม็อบรถบรรทุกจะเดินทางมากระทรวงพลังงานวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ก็อยากขอความเห็นใจ เพราะดูแลอย่างเต็มที่แล้ว
“ปัจจุบันกองทุนน้ำมันติดลบกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันบวก 1 หมื่นล้านบาท และบัญชีแอลพีจีหรือก๊าซหุงต้ม ติบลบ 2.4 หมื่นล้านบาท จะเห็นภาระกองทุนน้ำมันฯ นอกจากการอุ้มราคาน้ำมัน อีกภาระหนึ่งคือ การดูแลราคาแอลพีจี หรือก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน ตรึงไว้ที่ 318 บาทต่อถังขนาด 15 กก. ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคมนี้ ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 จะเลิกตรึงแอลพีจี และเน้นช่วยผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก”นายกุลิศกล่าว
กระทรวงพลังงานจึงจะมีการตรึงราคาไว้จนถึง 31 มีนาคม 2565 หลังจากนั้นอาจจำเป็นต้องขยับราคาขึ้น ตามแผนคือ ขึ้น 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ทุกไตรมาส เบื้องต้นไตรมาสถัดไปปรับขึ้นเป็น 333 บาทต่อถังขนาด 15 กก. แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาในช่วงนั้น และปัญหาค่าครองชีพของประชาชนว่าจะเอื้ออำนวยในการขึ้นราคาหรือไม่ และหากช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม ก็อาจจะเพิ่มเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มเป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน จากเงินช่วยเหลือปัจจุบันอยู่ที่ 45 บาท โดยในส่วนของเงินเพิ่ม 55 บาทนี้ ทางกระทรวงพลังงานก็จะพยายามหาเงินช่วยเหลืออยู่