‘จุรินทร์’ ลุยแผน ‘ยุทธศาสตร์ข้าวไทย’ เพิ่ม 12 พันธุ์ใหม่ จับมือผู้ส่งออกรุกตะวันออกกลาง

‘จุรินทร์’ ลุยแผน ‘ยุทธศาสตร์ข้าวไทย’ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่ม 12 พันธุ์ใหม่ จับมือผู้ส่งออกรุกตะวันออกกลาง

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวพันธ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ว่า การจัดงานในวันนี้เกิดขึ้นจากยุทธศาสตร์ข้าวไทย 5 ปี ช่วงปี 2563-67 ที่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และมีตนทำหน้าที่เป็นประธานยกร่าง ขอขอบคุณกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯ หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสมาคมผู้ส่งข้าวไทย สมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และเกษตรกร จนกระทั่งยุทธศาสตร์ข้าวไทยบังคับใช้ มีวิสัยทัศน์สำคัญ คือ ประเทศไทยจะต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นผู้นำ ด้านการผลิตและการตลาดข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อมุ่งแก้ปัญหา 2 ข้อ 1.ปัญหาการแข่งขันราคา 2.ความหลากหลายของพันธุ์ข้าวมีน้อยเริ่มสู้ไม่ได้

“ยุทธศาสตร์ข้าวไทยจึงเกิดขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น เพื่อให้ต้นทุนต่ำลง ให้สามารถแข่งราคากับคู่แข่งในตลาดโลกได้ โดยวทงเป้าหมาย 5 ปี จะลดต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 6,000 บาทต่อไร่ เหลือ 3,000 บาทต่อไร่ เพิ่มผลผลิตต่อไร่ จากเฉลี่ย 465 กิโลกรัม เป็น 600 กิโลกรัม และเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ข้าวไทยใหม่อย่างน้อย 12 พันธุ์ แยกเป็นข้าวพื้นแข็ง 4 พันธุ์ ข้าวพื้นนุ่ม 4 พันธุ์ ข้าวหอมไทย 2 พันธุ์ ข้าวโภชนาการสูง 2 พันธุ์ เพื่อตอบโจทย์การเพิ่มข้าวไทยสู่ตลาดโลก” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ล่าสุดจัดการประกวดซึ่งประสบความสำเร็จ ได้ข้าวพันธุ์ใหม่เพิ่ม 6 พันธุ์ ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์ของการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย ที่กำหนดไว้ว่าภายใน 5 ปี ต้องได้ 12 พันธุ์ เพียงปี 2564-2565 ได้มาแล้ว 6 พันธุ์ และจากนี้ตั้งเป้าว่าจะเดินหน้าเพื่อนำไปสู่การปลูกในแปลงเกษตรกรเพื่อการพาณิชย์ได้จริง และต้องรีบไปจดทะเบียนพันธุ์ ขึ้นทะเบียนพันธุ์ ที่กรมวิชาการเกษตร ตั้งเป้าว่าไม่เกิน 1 ปี ต้องให้ข้าวพันธุ์ใหม่ลงสู่แปลงนาเกษตรเพื่อการพาณิชย์ได้ และเป็นการเพิ่มตัวเลขการส่งออกข้าวต่อไปในอนาคต มีสินค้าไปแข่งกับคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก 6 ตัวที่มีศักยภาพและมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มจำนวนเมล็ดพันธุ์ลงไปปลูกจริงให้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยนำไปแข่งในตลาดโลกได้โดยเร็วที่สุด และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ใช้หลัก “รัฐหนุนเอกชนนำ” ภาคเอกชน เกษตรกรต้องเป็นตัวนำภายใต้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งของรัฐบาล กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขอมอบนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ดังนี้

1.กรมการค้าต่างประเทศต้องเป็นผู้ประสานงานสำคัญ ให้ผลการประกวดข้าววันนี้เดินหน้าไปสู่ผลสัมฤทธิ์ใน 1 ปี ขอให้ลงแปลงเกษตรกร ร่วมมือกับทุกฝ่ายตั้งเป็น”วอร์รูม”ขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เกิดผลตามเป้าจริง

Advertisement

2.ทีมเซลล์แมนประเทศ ทูตพาณิชย์ทั้งหมด ต้องเดินหน้าการตลาดต่อไป รักษาตลาดเดิมเพิ่มตลาดใหม่และฟื้นตลาดเก่ากลับคืนมา เช่น ตลาดอิรัก ซาอุดีอาระเบีย ตลาดตะวันออกกลางและตลาดอื่นๆที่เป็นเป้าหมาย ตลาดใหม่ของประเทศ รวมสินค้าอื่นด้วย และทีมเซลล์แมนจังหวัดต้องเข้าไปมีส่วนในการผลักดันข้าวพันธุ์ใหม่ ช่วยกันสนับสนุนส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรรับทราบว่ามีคุณภาพมีศักยภาพอย่างไร เพื่อผู้ส่งออกข้าวจะได้รวบรวมข้าว โรงสีจะได้สีและส่งออกได้ ส่งผลดีกับราคาข้าวในประเทศจะได้กระเตื้องขึ้น ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะเลิศและรางวัลชมเชยในการประกวดและขอแสดงความชื่นชมกับนักวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ส่งผลงานเข้าร่วมถึง 48 พันธุ์ข้าว จาก 16 แหล่งวิจัย จนทำให้เราเห็นความหวังสำหรับอนาคตข้าวไทยในตลาดโลกต่อไป

ด้าน ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า โครงการนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวแห่งชาติ ที่ริเริ่มนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวปี 2563-2567 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้ตลาดนำการผลิตด้วยกลยุทธ์และมาตรฐานการส่งเสริมข้าวไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก โดยแสวงหาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทั้งด้านคุณภาพและราคา ที่คุณภาพดีรสชาติดี มีผลผลิตต่อไร่สูง

ร.ต.ท.เจริญกล่าวต่อว่า คาดปี 2565 ไทยมีโอกาสส่งออกข้าว 7 ล้านตัน จากปีก่อนส่งออกได้ประมาณ 6.1 ล้านตัน ซึ่งปัจจัยต่อการส่งออกข้าวคือค่าเงินบาท ซึ่งเหมาะสมไม่แข็งเกิน 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐ การขนส่งไม่มีปัญหา น้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรัง 2565 ที่จะเริ่มเดือนมีนาคม-เมษายน เพียงพอ

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับรางวัลการประกวดข้าวพันธ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ประกอบด้วย รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ PTT13030 ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี รางวัลชมเชย ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ BioH95-CNT ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท

รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่ ข้าวพันธุ์ RJ44 บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา) รางวัลชมเชย ประเภท ข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่ ข้าวพันธุ์ CNT15171 ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท

รางวัลชนะเลิศ ประเภท ข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ PLS16348 ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก รางวัลชมเชย ประเภท ข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่ ข้าวพันธุ์ CNT07001 ศูนย์วิจัยข้าวชัยนาท ทั้งนี้ รัฐเตรียมงบประมาณ 400 ล้านบาท สนับสนุนการพัฒนาพันธุ์ข้าวใหม่ๆ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image