ก.พลังงาน จับมือ ก.อุตสาหกรรม ลุยผลิตไฟฟ้า 200 เมกะวัตต์จากขยะอุตสาหกรรม

ก.พลังงาน จับมือ ก.อุตสาหกรรม ลุยผลิตไฟฟ้า 200 เมกะวัตต์จากขยะอุตสาหกรรม

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานในสักขีพยานการลงนามระหว่างกระทรวงพลังงานโดยนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมโดยนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในบักทึกความเข้าใจการบริหารจัดการขยะอุตสาหกรรมเพื่อผลิตไฟฟ้า (Waste-to- Energy) และการส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีระยะเวลาความร่วมมือ 4 ปีเพื่อสอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจ BCG ( (Bio-Circular-Green Economy Model) โดยมีเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะเฟส 2 เพิ่มขึ้นอีก 600เมกะวัตต์แบ่งเป็นขยะชุมชน 400 เมกะวัตต์ ขยะอุตสาหกรรม 200 เมกะวัตต์โดยเตรียมเปิดรับซื้อภายในไม่เกินสิ้นปีนี้

“ขยะอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระทรวงอุตสาหกรรม เราจึงต้องร่วมมือกันดำเนินงาน โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) และสำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ไปพิจารณาอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสมต่อไปก่อนประกาศรับซื้อโดยหากต้องมีราคาสูงขึ้นเพื่อจูงใจแต่สามารถลดปริมาณขยะเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมได้ก็เป็นเรื่องจำเป็น”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว

สำหรับแนวทางการรับซื้อเบื้องต้นที่หารือกันมีแนวโน้มว่าปี 2565 จะแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรมปีละ 100 เมกะวัตต์ ขยะชุมชน 200 เมกะวัตต์ โดยจะมีการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ(COD)ปี 2567 ขณะที่ปี 2566 จะรับซื้อในปริมาณเดียวกับปี 2565 แต่COD ปี 2568 โดยก่อนหน้านี้กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานขยะไปแล้วในระยะแรกรวมเป็นปริมาณทั้งสิ้น 343.94 เมกะวัตต์แบ่งเป็นขยะชุมชน 313.16 เมกะวัตต์และขยะอุตสาหกรรม 30.78 เมกะวัตต์และยังมีในส่วนของการนำขยะมาเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตความร้อนปริมาณ 135 Ktoe (พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ”

Advertisement

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 2 กระทรวงอุตสาหกรรมจะได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อศึกษาแนวทางศักยภาพของพื้นที่ และปริมาณขยะอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan 2022) และให้ไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 โดยได้มอบหมายให้กรมโรงงานอุคสาหกรม (กรอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลธุรกิจอุตสาหกรรมรวมถึงวัตถุอันตรายด้านการผลิต สิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย ตามกรอบของกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ เป็นผู้ดำเนินงาน

“กระทรวงอุตสาหกรรมจะป้อนขยะอุตสาหกรรมให้ได้ 5 ล้านตันจากทั้งหมด 18 ล้านตันแต่จะไม่รวมกับขยะอันตรายใดๆ น่าจะเพียงพอที่จะช่วยลดการฝังกลบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณในการดูแลมาก โดยโรงงานที่สร้างขยะมีรวม 6 หมื่นแห่ง หากมีโรงไฟฟ้าอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องหาพื้นที่ฝังกลบและกระทบสิ่งแวดล้อมชุมชนเพิ่ม”นายสุริยะกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image