สรรพสามิต คาด ทำ MOU กับค่ายรถยนต์ ได้ มี.ค.นี้ รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

แฟ้มภาพ

สรรพสามิต คาด ทำ MOU กับค่ายรถยนต์ ได้ มี.ค.นี้ รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี แลกผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ช่วยเปลี่ยนไทยไปสู่ฐานการผลิตอีวี

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตได้เตรียมความพร้อมในการทำบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ระหว่างบริษัทผลิตรถยนต์ (ค่ายรถยนต์) ที่ต้องใช้สิทธิประโยชน์จากมาตรการจูงใจทางภาษีและเงินอุดหนุนรถยนต์อีวี ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปในช่วง 4 ปีนี้ โดยจะมีการระบุเงื่อนไขชัดเจนทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับและบทลงโทษหรือค่าปรับ หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลง

นายลวรณ กล่าวว่า ซึ่งค่ายรถยนต์หรือผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมมาตรการจะต้องมีการเข้ามาตั้งโรงงานผลิต หรือ เปลี่ยนสายการผลิตเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในช่วงปีที่ 3 โดยจะต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นในไทยให้ได้เท่ากับจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้าจากต่างประเทศในช่วง 1 ปีแรก และปีที่ 4 จะต้องผลิตให้ได้เท่ากับจำนวน 1.5 เท่าของจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาจำหน่ายได้ในปี 2

“หากมาตรการดังกล่าวมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว กรมสรรพสามิตก็พร้อมจะลงนามข้อตกลงกับภาคเอกชนหรือค่ายรถยนต์ทันที คาดว่าอย่าช้าในช่วงเดือนมีนาคมนี้ และหลังจากนั้นค่ายรถก็สามารถเริ่มทำโปรโมชั่นได้ทันที โดยเชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมทำ เอ็มโอยู หลายค่าย เพราะถือเป็นโอกาสทางธุรกิจในช่วงทดลองตลาด โดยไม่มีการจำกัดจำนวนรถยนต์ที่จะนำเข้ามาขาย” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวว่า ขณะที่ในส่วนของมาตรการเงินอุดหนุน ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มตั้งแต่ 7 หมื่น – 1.5 แสนบาท และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าเริ่มที่ 1.8 หมื่นบาทต่อคันนั้น จะเป็นในลักษณะการให้เงินอุดหนุนโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ และให้ผู้ประกอบการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในราคาที่ได้มีการปรับลดลงตามอัตราที่รัฐบาลได้อุดหนุน เช่น รถยนต์นำเข้ามาและจำหน่ายในราคา 1 ล้านบาท ก็จะปรับราคาขายลง 1.5 แสนบาท เหลือ 8.5 แสนบาท เป็นต้น

Advertisement

“เงินอุดหนุนการซื้อรถรอบนี้จะต่างจาก รถคันแรก ซึ่งครั้งนั้นผู้ซื้อจะมีภาระเรื่องของการยื่นเอกสารเพื่อรับเงินชดเชยจากรัฐบาล แต่ครั้งนี้ผู้ซื้อจะไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสาร เพราะส่วนลดจะให้ตรงไปยังผู้ขาย ซึ่งผู้ขายก็จะแสดงราคาให้เห็น ระหว่างราคาเต็ม และราคาส่วนลดที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล หลังจากนั้นทุกไตรมาสผู้ขายก็จะรวมยอดขายรถและหลักฐานการนำเข้าและจำหน่าย มายื่นของรับเงินอุดหนุนคืนจากรัฐบาล จะเป็นในลักษณะขายไปก่อนและมารับเงินชดเชยทีหลัง” นายลวรณ กล่าว

นายลวรณ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายได้จากมาตรการภาษีสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวีนั้น ไม่เคยถูกนับในส่วนของรายได้กรมฯ อยู่แล้วจึงไม่กระทบกับรายได้ในภาพรวมของกรมฯ ขณะที่วงเงินอุดหนุนเพื่อจูงใจให้หันมาใช้รถยนต์อีวีในช่วง 4 ปี วงเงินรวมประมาณ 4.3หมื่นล้านบาท โดยได้ตั้งไว้ในปีแรก ที่ 3 พันล้านบาท ซึ่งหากมีความต้องการมากกว่านี้ก็สามารถพิจารณาขยายกรอบวงเงินได้ ซึ่งตัวเลข 3 พันล้านบาทในปีแรกที่ตั้งไว้เป็นตัวเลขประเมิน หากมีการใช้มากกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ขณะที่วงเงินที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาท ครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้จัดหาแหล่งงบประมาณ ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2573 ต้องมีการผลิตรถยนต์อีวี 30% ของกำลังการผลิตรถน้ำมัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image