“อาคม” ชี้ลดภาษีน้ำมันดีเซล ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว มั่นใจจีดีพี 65 โต 4%

“อาคม” ชี้ลดภาษีน้ำมันดีเซล ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว มั่นใจจีดีพี 65 โต 4% ไม่ห่วงรายได้หลัง 4เดือนแรกปีงบ 65 เป็นไปตามเป้า ด้านสรรพสามิต ยันไม่ขยาย-เพิ่มภาษีตัวใหม่ในปี 65 หวังรัฐบาลไม่สั่งล็อกดาวน์ ช่วยเก็บภาษีให้เข้าเป้า

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการลดภาษีน้ำมันดีเซล จะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ในปีนี้หรือไม่นั้น จะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าการลดภาษีส่งผลให้รายได้ภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจ และเมื่อเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวได้ดีขึ้นแล้ว ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้ ยอดการจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังก็จะเพิ่มขึ้นตามมา ส่วนจะสามารถชดเชยส่วนที่หายไปได้หรือไม่นั้น จะมีการติดตามสถานการณ์เดือนต่อเดือน รวมทั้งการลดภาษีรถยนต์อีวีด้วย ก็ต้องคอยติดตามดูเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นมาตรการส่งเสริมที่กระทรวงการคลังต้องมีมาตรการภาษีเข้าไปช่วย

ขณะที่รายได้จากการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2565 นั้น ก็ต้องมีการประเมินทั้งปีว่าเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวได้แล้ว ทำให้การบริโภคเพิ่มขึ้น รายได้การจัดเก็บภาษีก็จะเพิ่มตาม แต่จะเพิ่มมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยจากที่คาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตได้ 4% ต่อปีนั้น การจัดเก็บภาษีก็คาดว่าน่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะนี้ยังประเมินว่ายังอยู่ในวิสัย อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดในทุกเดือน ทั้งรายได้ในส่วนของภาครัฐ และรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่นำส่งด้วย

“การจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 ยังอยู่ในช่วงที่สูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้กังวล เพราะมาตรการที่ออกมา เพื่อเป็นการช่วยประชาชน ซึ่งเมื่อจะต้องช่วยเหลือ กระทรวงการคลังก็พร้อมที่จะดูแล” นายอาคม กล่าว

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตตามเอกสารงบประมาณ อยู่ที่ 5.97 แสนล้านบาท โดยในการจัดเก็บรายได้จำนวนดังกล่าว ได้รวมการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ประมาณ 3 หมื่นล้านบาทไว้แล้ว แต่เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวย กรมจึงชะลอการปฏิรูปโครงสร้างภาษีออกไปก่อน และปรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ เหลือ 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้ว่ากรมจะสูญเสียรายได้จากการลดภาษีน้ำมันดีเซล 1.7 หมื่นล้านบาทก็ตาม

Advertisement

“การลดภาษีน้ำมันดีเซล 3 บาทต่อลิตร นาน 3 เดือน ส่งผลให้กรมสูญเสียรายได้ 1.7 หมื่นล้านบาท แต่ว่าภาพเศรษฐกิจขณะนี้มีความจำเป็นที่ต้องใช้ภาษีสรรพสามิตตรึงราคาในระบบให้เหมาะสม โดยเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นได้ รายได้จากภาษีก็จะกลับมา โดยยืนยันว่าในปีงบประมาณ 2565 นี้ กรมจะไม่มีการออกภาษีตัวใหม่เข้ามาทดแทนการจัดเก็บภาษีน้ำมันที่หายไป และไม่มีการขึ้นอัตราภาษีส่วนอื่นๆ ที่กรมจัดเก็บด้วย เพราะจะกระทบการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ” นายลวรณ กล่าว

ส่วนความท้าทายในการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณนี้นั้น เป็นเรื่องของการล็อกดาวน์ เนื่องจากการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตเกี่ยวข้องกับการบริโภค ทั้งน้ำมัน ที่เก็บภาษีได้เฉลี่ยปีละ 2 แสนล้านบาท เบียร์ เฉลี่ย 8 หมื่นล้านบาทต่อปี สุรา เฉลี่ย 6 หมื่นล้านบาทต่อปี และบุหรี่อีก 6 หมื่นล้านบาทต่อปีด้วย ซึ่งเมื่อมีการล็อกดาวน์กรมได้รับผลกระทบจำนวนมาก อย่างไรก็ดี เมื่อรัฐบาลผ่อนคลายการล็อกดาวน์มาตั้งแต่ปี 2564 จะเห็นว่าตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของกรมดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 กรมสามารถทำได้ 1.86 แสนล้านบาท

นายลวรณ กล่าวอีกว่า กรมยังเชื่อมั่นว่าหากในปี 2565 นี้ ยังอยู่ในช่วงท้ายของโควิด ไม่มีการกลับมาประกาศล็อกดาวน์อีก เชื่อว่าแนวโน้มการจัดเก็บภาษีดีขึ้นแน่นอน เช่นเดียวกันกับภาษีน้ำมัน กรมก็แลกมากับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจให้มีความสมดุล เพื่อไม่ให้ราคาทางด้านต้นทุนพลังงานที่สูงเข้ามากระทบเศรษฐกิจ และเมื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้นแล้ว การจัดเก็บรายได้ของกรมที่มาจากการบริโภคก็จะกลับมาตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ กรมได้มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาควบคุมและป้องกันปราบปรามการน้ำมันเถื่อน เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของคน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการด้วยระบบยืนยันตัวตนอีกด้วย รวมทั้งมีการหารือกับสมาคมประมงแห่งประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยี ลดการสวมสิทธิการเติมน้ำมันเขียว โดยมีชาวประมงที่เป็นสมาชิกกว่า 8,000 ราย ซึ่งกรมสรรพสามิตมีการเว้นภาษี เฉลี่ยปีละ 4,000 ล้านบาท

////////

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image