“จุรินทร์” ลั่นตรึงราคาสินค้า “สุดชีวิต” ลดภาระปชช. รับกังวลรัสเซีย-ยูเครนขัดแย้ง สั่งทูตพณ.จับตา

แฟ้มภาพ

“จุรินทร์” ลั่นตรึงราคาสินค้า “สุดชีวิต” ลดภาระปชช. รับกังวลรัสเซีย-ยูเครนขัดแย้ง สั่งทูตพณ.จับตา

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาท ช่วยผ่อนคลายต้นทุนค่าขนส่งสินค้าได้ระดับหนึ่ง แต่คงไม่ได้ลดลงเร็วมาก คงต้องใช้ระยะเวลารอให้เห็นผลระยะหนึ่ง แต่ที่ผ่านมา ทางกระทรวงพาณิชย์ ยังได้ขอความร่วมมือในการตรึงราคาจำหน่ายสินค้าออกไปก่อน ในกลุ่มสินค้าที่เราดูแล 10 หมวด เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการปรับขึ้นราคา โดยการขอความร่วมมือตรึงราคา กระทรวงขอภายใต้เงื่อนไขที่ราคาน้ำมันระดับนี้ที่รัฐบาลพยายามตรึงราคาดีเซลไว้ที่ลิตรละ 30 บาท แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะยังมอร์นิเตอร์เรื่องสถานการณ์ราคาสินค้าต่อไป เรียกว่าตรึงสุดชีวิต เท่าที่จะทำได้

“ยอมรับว่ากังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ผันผวนเร็วและสูงขึ้นได้ ได้กำชับให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยังคงคาดการณ์เป้าส่งออกปีนี้ไว้ไม่น้อยกว่า 4-5% ซึ่งสัปดาห์นี้จะมีการแถลงตัวเลขส่งออกเดือนมกราคม เดือนแรกของปี 2565 ตัวเลขเป็นอย่างไรคงต้องขอดูก่อน ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่าขณะนี้ราคาสินค้าตลาดที่เคยเป็นปัญหาหลายรายการราคาลดลงแล้ว เช่น หมูเนื้อแดง กก.ละ 155 บาท ห้างค้าปลีกบางแห่งเหลือกก.ละ 137-138 บาทและทิศทางลดลงเกือบทุกวัน ส่วนการดูแลราคาสินค้าบางรายการที่ปรับราคาสูง เช่น ปาล์มน้ำมัน กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสร้างสมดุลทั้ง 3 ฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ ทั้งเกษตรกรได้ราคาดี ผู้ประกอบการไม่ได้กระทบจนเกินไป และผู้บริโภคไม่เดือดร้อน เพราะราคาปาล์มทะลายปรับขึ้นมา 4-5 เท่า ถ้าราคาน้ำมันปาล์มดิบกก.ละ 11-12 บาทราคาน้ำมันปาล์มขวดต้องขาย 72 บาทแล้ว แต่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือตรึงราคาไว้ พยายามเจรจา 59-63 บาทโดยประมาณ จะช่วยให้เกษตรกรได้ราคาดี ขณะเดียวกันก็ดูแลน้ำมันพืชอื่นด้วย เช่น น้ำมันถั่วเหลือง

“ขณะที่รายได้ภาคเกษตรปรับตัวดีขึ้น อย่างราคาข้าวดีขึ้นจากก่อนหน้าหน้านี้ มีปัญหาข้าวเปลือกจมน้ำ ความชื้นสูง ขายได้กก.ละ 5-6 บาท แต่ตอนนี้ราคาข้าวเปลือกปรับขึ้นเป็นตันละ 8,000-8,500 บาท หรือ กก.ละ 8.00-8.50บาท นอกจากนั้นมันสำปะหลังขยับขึ้นไปกก.ละ 2.60-2.70 บาท ข้าวโพดกก.ละ 10 บาทจาก 6-7 บาท ปาล์มน้ำมัน กก.ละ 9 บาท บางช่วงสูงถึง กก.ละ 12 บาทก็มี ราคายางพาราดีขึ้นจากเคยบ่นว่าราคาต่ำขายได้ 3 กิโล 100 บาทมานาน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว แล้วขึ้นมาเกือบจะเรียกว่าเสถียรมาเป็นปีแล้ว ช่วงนี้ยิ่งเสถียรมากขึ้นไปอีก อย่างยางแผ่น กก.ละ 60 กว่าบาท น้ำยางข้น กก.ละ น้ำยางข้นประกัน 50 กว่าบาทตอนนี้ไป 60 กว่าบาท ยางก้อนถ้วยแต่ก่อน 11-14 บาท แต่ปัจจุบันไป 26-27 บาท แม้กระทั่งผลไม้ ราคาขึ้นไปสูงมาก เช่น ทุเรียน เฉลี่ย กก.ละ 120 บาท หรือมังคุดเกรดดี เกรดส่งออกไปถึง กก.ละ 220 บาท มะพร้าวน้ำหอมก็มีอนาคต ชิลียังอยากได้ลองกอง แสดงว่าผลไม้ไทยเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก”

Advertisement

“เกษตรกรตอนนี้มีรายได้จากราคาพืชผลที่ขยับไปสูงขึ้น เก็บไว้กระเป๋าหนึ่ง หากราคาลดลงยังมีเงินจากการประกันรายได้ช่วยอีกกระเป๋าหนึ่ง รายได้จึงได้ราคาตลาดบวกกับประกันรายได้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้ จะเห็นว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ม็อบเกษตรกรในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำไม่มีเลย ก็เพราะมีตัวช่วยประกันรายได้ ซึ่งโครงการนี้มีวงเงินเข้าไปช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ 4-5 แสนล้านบาทใน 3 ปี รัฐบาลก็จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปเพราะนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์ คิดนโยบายนี้มาจนเป็นนโยบายของรัฐบาล แถลงต่อรัฐสภา มีผลผูกพันต่อรัฐบาล” นายจุรินทร์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image