‘คิวทีซี’ ลุ้นคว้างาน ‘กฟภ.-กฟน.’ โกย 250-300 ลบ. ดันรายได้ปี 65 โตแตะ 1.2 พันลบ.

‘คิวทีซี’ ลุ้นคว้างาน ‘กฟภ.-กฟน.’ โกย 250-300 ลบ. ดันรายได้ปี 65 โตแตะ 1.2 พันลบ.

นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ(QTC) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก เพื่อมุ่งสู่ Superior Long-term Performance หรือการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้แตะที่ระดับ 1,200 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนจาก 3 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย

1.ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่ง QTC เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงแบบ Super low loss รายแรกของประเทศไทย ที่ช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ถึง 80% และยังมีสินค้าสินหม้อแปลงคุณภาพอื่นๆ อีกมากมายตั้งแต่รุ่นกำลังไฟฟ้า 30 – 30,000 กิโลโวลต์แอมแปร์ (kVA) โดยปีนี้เตรียมแผนงานการเข้าประมูลงานของหน่วยงานราชการ อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มูลค่ารวม 2,500 – 3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ามีโอกาสได้งานดังกล่าว ประมาณ 250-300 ล้านบาท  หรือประมาณ 10 % ของมูลค่างานโดยรวม และยังมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ อาทิ ประเทศญี่ปุ่น  ประเทศออสเตรเลีย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกหม้อแปลงไฟฟ้าประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่งานในส่วนของภาคเอกชน อาทิ โครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่เตรียมเปิดโครงการ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามาประมาณ 300 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน 350 ล้านบาท

2.ธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar, Trina Solar, การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter ซึ่งในปีนี้มีการทำการตลาดเชิงรุกมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับการให้บริการที่ครบวงจร เนื่องจากเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการขนาดกลางให้ความสำคัญในการติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา เพิ่มขึ้นถึง 60 -70% และในส่วนของผู้ประกอบการรายใหญ่ก็ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น 10-20% จึงคาดว่าปี 2565 จะมีรายได้จากธุรกิจการจำหน่ายโซลาร์เซลล์ และ Solar Inverter ประมาณ 300 ล้านบาท

3.ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charging Station) เฟสแรก จำนวน 4 สถานี หรือ 12 หัวจ่าย โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เตรียมดำเนินการให้บริการสถานีน้ำมันแห่งแรกในพื้นที่กรุงเทพมหานครฯ ย่านแสมดำ และหลังจากนั้นจะขยายเส้นทางสถานีติดตั้งไปสู่เส้นทางเหนือและภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดนครราชสีมา โดยคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาในช่วงกลางปี 2565  

Advertisement

นายพูลพิพัฒน์ กล่าวว่า นอกจากยุทธศาสตร์ที่จะกลายเป็นคีย์หลักในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในข้างต้นแล้ว เรายังศึกษาเพื่อต่อยอดการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ เพื่อตอกย้ำสู่การก้าวเป็นผู้นำ “ด้านพลังงาน” ซึ่งมีการให้บริการที่ครบวงจรทั้งหม้อแปลงไฟฟ้า Super low loss Transformer – โซลาร์เซลล์ – Inverter – EV Charging Station โดยมีนวัตกรรมระบบหม้อแปลงไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Transformer Monitoring System) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการเติบโตแบบยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้ ผลประกอบงวดปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้น บริษัทฯมีรายได้รวม เท่ากับ 1,185 ล้านบาทพิ่มขึ้น 13.94% แบ่งเป็นรายได้ธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า 741 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้ง ภายใต้การเป็นตัวแทนจำหน่ายโซลาร์เซลล์ให้กับ LONGI Solar การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Huawei Solar Inverter 246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197% เมื่อเทียบกับปี 2563 ในขณะเดียวกันรายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัท คิวโซลาร์ 1 จำกัด ขนาด 8.6 MW จำนวน  134  ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 127 ล้านบาท ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 12 เมษายน 2565 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 เมษายน 2565 เพื่อดำเนินการจ่ายปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2565

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image