อีอีซีต้องการแรงงาน 4.7 แสนคน! สกพอ. ร่วม ม.แม่ฟ้าหลวง ผลิตคนป้อน

อีอีซีต้องการแรงงาน 4.7 แสนคน! สกพอ. ร่วม ม.แม่ฟ้าหลวง ผลิตคนป้อน

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในมิติด้านการศึกษาระหว่าง สกพอ. และ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ว่า โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการยกระดับเศรษฐกิจไทยให้ผ่านกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง โดยมี 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ S Curve ที่เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนประเทศไทย

ทั้งนี้ การที่จะไปถึงเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญ และมีทักษะชั้นสูง เข้ามารองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ เพราะถ้าหากขาดคนที่มีความสามารถเข้ามาขับเคลื่อน ก็เป็นเรื่องยากที่จะดึงดูดอุตสาหกรรมเหล่านี้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ ดังนั้น สกพอ. จึงได้ศึกษาและวิจัยความต้องการของ 12 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ อีอีซี พบว่า ประมาณการความต้องการบุคลากรในพื้นที่ อีอีซี ในระยะเวลา 5 ปี คือ 2562 – 2566 มีความต้องการบุคลากรที่มีทักษะจำนวนถึง 475,668 อัตรา ซึ่งเป็นความต้องการในสายอาชีพ 53% และสายสามัญอีก 47% ซึ่ง สกพอ. ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร และดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

นอกจากนี้ เพื่อให้การผลิตบุคลากรให้มีปริมาณ และคุณภาพ ตามความต้องการของภาคธุรกิจในพื้นที่ อีอีซี สกพอ. จึงได้นำแนวคิด อีอีซี โมเดล มาเป็นแกนหลักในการผลิตบุคลากร โดยได้ประสานและดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป้าหมายในการผลิตและพัฒนาทักษะบุคลากรให้ตรงตามความต้องการ และปรับเข้าสู่ Demand Driven ซึ่งการพัฒนาบุคลากรตามแนวทาง อีอีซี โมเดล นี้ นอกจากจะทำให้ธุรกิจก้าวกระโดดจากอุตสาหกรรม 2.5 เป็นอุตสาหกรรม 4.0 แล้ว ยังมีส่วนสนับสนุนให้ภาคเอกชนลดค่าใช้จ่ายในการฝึกทักษะบุคลากรลงเฉลี่ยได้ถึง 38% เนื่องจากแรงงานที่จบการศึกษาออกมาแล้วสามารถทำงานได้จริง

Advertisement

สำหรับ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ สกพอ. และมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนา อีอีซี เสริมสร้างความร่วมมือในการพัฒนาทักษะบุคลากรในเขตพื้นที่ โดยร่วมกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษา พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในมิติด้านการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพัฒนาเทคนิคการเรียนการสอนและเพิ่มเติมองค์ความรู้รายวิชาภาษาต่างประเทศให้แก่ครู อีกทั้งยัง มุ่งส่งต่อองค์ความรู้และพัฒนาครูให้เป็นครูต้นแบบในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และขยายผลออกไปในวงกว้างทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน เพื่อสร้างเครือข่ายครูในพื้นที่ สร้างเสริมประสบการณ์วิชาชีพแก่ครูทุกท่าน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาระบบการศึกษาและพัฒนากำลังคน ให้ตรงตามความต้องการและได้มาตรฐานสากล

รองศาสตราจารย์ ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ มหาวิทยาลัยฯ จะนำองค์ความรู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ในด้านภาษาอังกฤษ และภาษาจีน มาพัฒนา เปลี่ยนแปลง และพัฒนาให้ครูซึ่งเป็นแม่พิมพ์ของชาติ ในพื้นที่ อีอีซี พร้อมแนะนำเทคนิค วิธีการ รวมทั้งเครื่องมือทั้งหมดที่มี สู่การพัฒนาพื้นที่ เพื่อจะเป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้ อีอีซี ขับเคลื่อน เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

ระยะเริ่มแรกของการพัฒนา กระบวนการพัฒนาทักษะทางด้านภาษาภาษาอังกฤษให้แก่ครู จะใช้หลักการฝึกฝนผู้สอน (Train The Trainer) เพื่อขยายผลไปสู่นักเรียน ซึ่งเป็นไปตามหลักสมรรถนะของครูผู้สอนในศตวรรษที่ 21 ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อเป็นเครื่องมือเปิดประตูของประเทศ สู่โลกแห่งการสื่อสาร และการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ ของประเทศ ให้มีความสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ในอนาคต

Advertisement

ปัจจุบัน สกพอ. ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงดำเนิน “โครงการพัฒนาสมรรถนะการจัดการโรงเรียนต้นแบบการใช้ภาษาต่างประเทศทั้งครูผู้สอนและนักเรียนในเขตพื้นที่ อีอีซี (การใช้ภาษาอังกฤษ – จีน) ในระดับมัธยมศึกษา และโรงเรียนเครือข่ายในพื้นที่ เพื่อยกระดับการจัดการให้การศึกษาสู่ระดับสากลในการใช้ภาษาต่างประเทศ” โดยมีความก้าวหน้าที่สำคัญ คือ การร่วมมือกันจัดการศึกษาทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติให้แก่ครู โรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง จำนวน 8 โรงเรียน โดยมีครูภาษาอังกฤษและภาษาจีนเข้าร่วมโครงการ 35 คน และนักเรียนเข้าร่วมโครงการอีก 150 คน

ตั้งเป้าหมายว่าจะมีนักเรียนชั้นมัธยมต้นที่ได้รับการขยายผลจากการดำเนินโครงการในครั้งนี้อีกกว่า 8,000 คน นอกจากนี้ ยังมีแผนการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 – 2566 นี้ จะขยายผลการดำเนินโครงการไปยังโรงเรียนในพื้นที่ อีอีซีอีกจำนวน 30 และ 90 โรงเรียน ตามลำดับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image