‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ อวดพอร์ตสินเชื่อปี 64 ทะลุเป้า 8,685 ลบ. คุมหนี้เสียในเกณฑ์ดี

ศักดิ์สยามลิสซิ่งอวดพอร์ตสินเชื่อปี 64 ทะลุเป้า 8,685 ลบ. คุมหนี้เสียในเกณฑ์ดี

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยภายใต้แบรนด์ศักดิ์สยามลิสซิ่งเปิดเผยว่า บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากความมุ่งมั่นการให้บริการสินเชื่อแก่ประชาชนเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนนำไปประกอบอาชีพให้แก่ลูกค้า ด้วยความเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ผลักดันผลการดำเนินงานปี 2564 พอร์ตสินเชื่อรวมอยู่ที่ 8,685 ล้านบาท เติบโต 35.6% สูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์การสร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินด้วยการลงทุนขยายสาขาใหม่ ช่วยขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นและลูกหนี้เงินให้สินเชื่อเฉลี่ยต่อสัญญาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมและบริการอยู่ที่ 1,839 ล้านบาทเติบโต 14.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 จากการที่พอร์ตสินเชื่อเพิ่มขึ้น 2,279 ล้านบาท มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่กำไรสุทธิ 607.5 ล้านบาท เติบโต 8.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม หรือ Cost to Income อยู่ที่ 50% และมีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อโดยเฉลี่ย(Yield on Loan) อยู่ที่ 24.4%

นายศิวพงศ์ กล่าวว่า บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม จึงควบคุมหนี้ไม่ก่อรายได้ (เอ็นพีแอล) ให้อยู่ในระดับ 2.2% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม โดยความสำเร็จของผลการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.116 บาทต่อหุ้น เป็นจำนวนเงิน243 ล้านบาท โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 เมษายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 18 พฤษภาคม2565 นี้

นายศิวพงศ์ กล่าวว่า สำหรับวิสัยทัศน์ปี 2565 บริษัทฯ มุ่งก้าวสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากยั่งยืน โดยปล่อยสินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพสร้างรายได้ของชุมชนท้องถิ่น และพัฒนาขีดความสามารถการให้บริการที่ดีขึ้น โดยบริษัทฯ วางแผนนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อครบครันตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายิ่งขึ้น ล่าสุด SAK ได้สนับสนุนสินเชื่อโดรนเพื่อการเกษตร เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนแก่เกษตรกรนำเทคโนโลยีมาส่งเสริมผลิตภาพการทำเกษตรกรรม ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเกษตรด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง รวมทั้งขยายสาขาให้ครบ 930 สาขาในปี2565 จากเมื่อปีที่ผ่านมามีทั้งสิ้น 720 สาขา ตลอดจนมุ่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศโดยพัฒนา “Mobile Application” ยกระดับการให้บริการรับชำระเงินเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วให้กับลูกค้า

เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งร่วมสนับสนุนสินเชื่อเพื่อนำไปประกอบอาชีพให้แก่ประชาชนในทุกอาชีพ ทั้งการเพาะปลูกให้แก่เกษตรกร หรือฐานทุนต่างๆ สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน การเพิ่มผลิตภาพ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งในปี 2565 มีแนวโน้มความต้องการสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์โควิด-19 ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ประชาชนมีความต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำเงินไปประกอบอาชีพรับกับเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยจากแผนธุรกิจในปี 2565 มั่นใจว่าพอร์ตสินเชื่อเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ที่ 11,379 ล้านบาทนายศิวพงศ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image