YGG โชว์ฟอร์มสุดเจ๋ง กำไรโตกระโดด 98% อานิสงส์ ธุรกิจ “เกม-อินโนเวชั่น-แอนิเมชั่น” รุ่ง
นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือYGG เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทงวดปี 2564 สิ้นสุด 31 ธ.ค 2564 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 284.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.6% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 112.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.5 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 98.1% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 56.5 ล้านบาท สาเหตุที่กำไรในปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด มาจากรายได้จากส่วนงานเกมและอินโนเวชั่น มีจำนวน 67.9ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 50.9ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 299.4% เนื่องจากในปี 2564บริษัทมีออกเกมใหม่ คือ Home Sweet Home Survive ซึ่งเปิดให้ผู้เล่นได้ใช้งานและสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯในปี 2564
ขณะที่รายได้จากส่วนงานภาพยนตร์แอนิเมชั่นในปี 2564 มีจำนวน 107.8ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 7.9% เนื่องจากบริษัทรับผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มลูกค้ารายหลักจะเป็นลูกค้าต่างประเทศและได้รับโปรเจคที่มีมูลค่าสูงขึ้น ส่วนรายได้จากส่วนงานโฆษณาและภาพยนตร์ในปี 2564มีจำนวน 108.9ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.7% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญจากปีก่อน แต่ส่วนงานนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อน จากอัตรา40% เป็นอัตรา 51%
นายธนัชกล่าวว่า บริษัทได้ปรับรูปแบบการบริหารงานโดยได้รุกไปสู่ต้นน้ำในทุกกลุ่มธุรกิจเพื่อทำให้อัตรามาร์จินและกำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น จะเห็นได้จากปี 2564มีกำไรขั้นต้นจำนวน 128.7ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนเป็นอัตรา 39% เนื่องจากบริษัทฯมีการจำหน่ายเกมใหม่ Home Sweet Home Survive โดยในส่วนของงานนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นจากปีก่อน 33% เพิ่มเป็น 45% ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้ อัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกส่วนงานในปี 2564อยู่ที่ 45.2 % เพิ่มขึ้นอัตรา 4.3%
“ธุรกิจของ YGG เติบโตตามเทรนด์ของตลาดโลก ในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% โดยทุกธุรกิจของบริษัทจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรุกไปสู่ต้นน้ำในทุกกลุ่มธุรกิจมากยิ่งขึ้น” นายธนัช กล่าว
นายธนัช กล่าวอีกว่า การที่บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน และมีแผนที่จะย้ายหลักทรัพย์ จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)เข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)จะเป็นการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับบริษัทได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการไปร่วมทำธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศ รวมทั้งยังช่วยให้มีเงินทุนเพิ่มขึ้น เพื่อต่อยอดทำธุรกิจกับพันธมิตร นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องหุ้น(ฟรีโฟลท)ในตลาดให้กับหุ้นบริษัทอีกด้วย
สำหรับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering)ในอัตราจัดสรร 1 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่า 180 ล้านบาท
“การเพิ่มทุนของบริษัทได้รับความสนใจจากผู้ถือหุ้นดีมาก ส่วนแผนการย้ายเข้ามาอยู่ใน SET มองว่าเป็นการเติบโตของบริษัท ที่สะท้อนให้เห็นจากทั้งกำไร รายได้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาใน SET ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท ส่งผลต่อเครดิตความน่าเชื่อถือในธุรกิจของบริษัท สร้างความมั่นใจให้ลูกค้า” นายธนัชกล่าว