ปลัดพลังงาน ยันจะใช้ทุกวิธีดูแลน้ำมันขายปลีกที่ปรับขึ้นจากปมรัสเซียบุกยูเครน

ปลัดพลังงาน ยันจะใช้ทุกวิธีดูแลน้ำมันขายปลีกที่ปรับขึ้นจากปมรัสเซียบุกยูเครน

เมื่อวันที่ 25 ก.พ. นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานทั่วโลกว่า ขณะนี้กระทรวงพลังงานเกาะติดสถานการณ์และราคาพลังงานโลกอย่างใกล้ชิด ด้วยราคาน้ำมันโลกที่เพิ่มขึ้น ยอมว่าจะส่งผลต่อราคาขายปลีกในประเทศแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซลที่ปัจจุบันราคาขายปลีกอยู่ที่ 28.54 บาทต่อลิตร มีโอกาสเพิ่มขึ้น แต่อยู่ที่ต้นทุนของผู้ค้าด้วย เพราะค่าการตลาดลดลง และรัฐบาลมีนโยบายคุมราคาไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ขณะที่ราคากลุ่มเบนซินมีโอกาสปรับขึ้นเช่นกัน โดยกระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างหามาตรการดูแลผู้ใช้เบนซินเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีความมั่นคงทางพลังงาน ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการนำเข้าพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลว(แอลเอ็นจี) เนื่องจากไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศกลุ่มตะวันออกกลางประมาณ 55% และนำเข้าจากรัสเซียเพื่อกลั่นเพียง 5.22 ล้านลิตรต่อวัน หรือคิดเป็น 3% ของปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมด ขณะที่แอลเอ็นจี ไทยนำเข้าจากต่างประเทศประมาณ 18% และจากหลากหลายแหล่งจึงไม่กระทบเช่นกัน ปริมาณสำรองพลังงานล่าสุด  ไทยมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 3,200 ล้านลิตร ปริมาณสำรองน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่งอีก 1,460 ล้านลิตร น้ำมันสำเร็จรูป 1,670 ล้านลิตร ทำให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองใช้ได้กว่า 2 เดือน แบ่งเป็น น้ำมันดิบ 27 วัน อยู่ระหว่างขนส่งอีก 13 วัน และน้ำมันสำเร็จรูป 12 วัน ส่วนแอลพีจีสำหรับในภาคครัวเรือนใช้ได้ 16 วัน

“ขณะนี้สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจะเป็นเรื่องของราคาพลังงาน ปัจจุบันกระทรวงพลังงานจึงใช้มาตรการที่มีอย่างต่อเนื่องและยังคงเตรียมมาตรการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติม หากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกสูงถึงระดับ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล กระทรวงพลังงานจะเร่งดำเนินการทุกแนวทางเพื่อดูแลประชาชน แต่อีกมุมหนึ่งอยากขอให้คนไทยร่วมกันประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยประเทศอีกทางหนึ่ง” นายกุลิศกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image