ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 14 ตุลาคม มีกระแสข่าวว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้เรียกผู้จัดการกองทุนเข้าพบเพื่อสอบถามถึงการซื้อขายหุ้นก่อนหน้านี้นั้น
นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 14 ตุลาคม ได้เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีจริง แต่ไม่ได้เป็นการเรียกพบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เพื่อคุยเรื่องการขายหุ้น สาเหตุที่ขอเข้าพบเพราะต้องการแลกเปลี่ยนมุมมองทางด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ซึ่งรองนายกไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับการขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมานางวรวรรณได้โพสเฟสบุ๊ก “วรวรรณ ธาราภูมิ” เพื่อแจ้งรายละเอียดโดยสรุปว่า บลจ.ได้รับคำเชิญจากรองนายกสมคิด ซึ่งมีกองทุนจำนวน 8 แห่งได้เข้าพบคือ กองทุนบัวหลวง กองทุนไทยพาณิชย์ กองทุนกรุงไทย กองทุนเอ็มเอฟซี กองทุนวรรณ กองทุนซีไอเอ็มบี กองทุนทหารไทย และกองทุนทิสโก้ ซึ่งรองนายกไม่ได้สอบถามถึงการขายหุ้นของสถาบันแต่ได้เล่าถึงความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจต่างประเทศที่มีต่อไทยเพิ่มขึ้น และเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านภายในประเทศที่จะราบรื่น ส่วนผู้ลงทุนสถาบันเล่าถึงมุมมองของที่มีต่ออนาคต เล่าถึงคำถามจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ซึ่งไม่มีอะไรในเชิงลบ
“ได้เรียนรองนายกฯ ไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นบาง บลจ. ซื้อสุทธิทุกวัน บางแห่งก็ขายสุทธิ แต่พวกเราเห็นกระแสเงินสดไหลเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในแอลทีเอฟ และ อาร์เอ็มเอฟในทุกวันที่ตลาดกระชากลงแรงๆบลจ. แห่งหนึ่งที่มาประชุมด้วยนี้ได้บอกว่าของเขาต้องขายสุทธิ เพราะต้องจ่ายเงินให้ผู้เกษียณสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพอดี ส่วนอีก บลจ. บอกว่าเขาจำเป็นต้องปรับการซื้อขายตามสภาพตลาดเพราะของเขาเป็น Index Fund”
ทั้งนี้ หาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) จะตรวจสอบบลจ. ก็ขอสนับสนุนเต็มที่ อย่าปล่อยให้สังคมคลุมเครือ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีผู้จัดการกองทุนต่างประเทศสอบถามเรื่องเรื่อง Uncertainty เกี่ยวกับองค์รัชทายาท ซึ่งได้ตอบไปก่อนหน้าแล้วว่าทุกอย่างถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าตั้งหลายปีแล้วแต่มีสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนต่างประเทศห่วงมากสำหรับอนาคตเขาคือ“กลัวการเลือกตั้ง” ในไทย เขาบอกว่าถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้งแล้ว บ้านเราจะมีเสถียรภาพแบบทุกวันนี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัปดาห์นี้ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2559 ถึงวันที่ 12 ตุลาคม พบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 11,834.99 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 4,678.72 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 74.20 ล้านบาท และนักลงทุนภายในประเทศซื้อสุทธิ 16,439.52 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม พบว่า นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 9,716.32 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,497.43 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 573.66 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 6,645.23 ล้านบาท
