ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้กู้เงินเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท อีก 3 ปี ชนเพดานหนี้สาธารณะ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้กู้เงินเพิ่ม 1 ล้านล้านบาท อีก 3 ปี ชนเพดานหนี้สาธารณะ

น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ถ้ารัฐบาลประเมินว่าประชาชนมีความเดือดร้อน และเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องได้รับการดูแล ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าเห็นควรอย่างไร เม็ดเงินการกู้เงินยังเพียงพอต่อการกู้หรือไม่ โดยการกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท ประกอบกับการทำงบประมาณขาดดุลปีละ 7 แสนล้านบาท ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี ที่หนี้สาธารณะจะแตะในระดับ 70% ตามเพดานสูงสุดของหนี้สาธารณะ

 

มองราคาน้ำมันที่สูงอยู่ตอนนี้ ก็มาจากสถานการณ์ความขัดแย้งยูเครน-รัสเซีย ตอนนี้รัฐบาลต้องมีการช่วยดูแลผลกระทบไปก่อน เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงก็ช่วยพยุงไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเพิ่งลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 3 บาท ซึ่งการจะงดจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันเหลือ 0.01 บาท เหมือนที่เคยทำมาก่อน จะกระทบต่อรายรับของรัฐบาล หรือมีผลต่อการกู้เงินชดเชยการขาดดุลอย่างไร ตรงนี้รัฐบาลต้องมีการประเมินให้ดี เพราะเพิ่งผ่านสถานการณ์โควิด-19 2 ปี เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ก็มาเจอปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ พร้อมกับวิกฤตความขัดแย้งอีก เป็นแต่ละคลื่นที่ทับกันมาส่งผลกระทบหนักต่อประชาชน

Advertisement
น.ส.ณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

น.ส.ณัฐพรกล่าวว่า ตอนนี้ไม่ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็ไม่ได้ เพราะเงินเฟ้อขึ้นไปแล้วกว่า 3% อีกทั้งในตะกร้าเงินเฟ้อของผู้มีรายได้น้อยก็สูงมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ เพราะเขามีสัดส่วนราคาอาหารพลังงานมากกว่าคนกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ภาคธุรกิจเจอต้นทุนราคาพลังงาน ราคาสินค้าวัตถุดิบ โดยราคาดัชนีผู้ผลิตมีการเพิ่มสูงขึ้นมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว ยิ่งการเพิ่มต้นทุนค่าแรงเพิ่มไปอีก อาจจะทำให้บางธุรกิจไม่สามารถสร้างกำไรได้ ทั้งนี้ ต้องมาดูว่าจะมีการเพิ่มค่าแรงเท่าไหร่ เพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้ด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image