หุ้นไทยดิ่งลึก ลบ 45 จุด มูลค่าซื้อขายแตะ 1.27 แสนลบ. หลังนักลงทุนตื่นสงครามรัสเซีย-ยูเครนเดือด

หุ้นไทยดิ่งลึก ลบ 45 จุด มูลค่าซื้อขายแตะ 1.27 แสนลบ. หลังนักลงทุนตื่นสงครามรัสเซียยูเครนเดือด

วันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,696.08 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,626.70 จุด ปรับลดลง 45.02 จุด หรือ 2.69% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,655.19 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,616.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 127,806.20 ล้านบาท

โดยนายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง ภายใต้มูลค่าการซื้อขายสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน โดยสาเหตุหลักๆ เป็นรัสเซียและยูเครน แต่ที่ลงแรงมากๆ เป็นเรื่องมาร์จิ้นคอล (Margin call) หรือการเรียกหลักประกันเพิ่มจากนักลงทุน เมื่อหุ้นที่ถือครองอยู่ร่วงเกิน 5% รวมถึงกระแสเงินที่นักลงทุนต้องปรับพอร์ตลงทุนเนื่องจากสถานการณ์รัสเซียและยูเครนยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถจบลงได้ แม้รัสเซียจะสามารถยึดพื้นที่สำคัญในยูเครนได้แล้ว แต่ยูเครนยังไม่ยอม ทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ตอนนี้แตกต่างจากที่เกิดขึ้นในอดีตเนื่องจากขณะนี้สินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลงมากกว่า 10% แล้ว ซึ่งรอบที่ผ่านมาเมื่อมีสงครามเกิดขึ้น จะทำให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับลดลงประมาณ 10-15% จากนั้นสถานการณ์จะคลายตัว และสินทรัพย์เสี่ยงทยอยปรับขึ้น แต่รอบนี้ภาพแตกต่างจากอดีตทำให้ฟันด์โฟลว์ที่เคยหนุนตลาดขึ้นในช่วงก่อนเบาลง โดยภาพหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รัสเซียและยูเครนเป็นหลัก โดยให้แนวรับที่ระดับ 1,615-1,620 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,635-1,640 จุด แต่เนื่องจากดัชนีหุ้นปรับลดลงแรง อาจมีช่วงที่ดัชนีสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้บ้าง แต่อัพไซด์ยังค่อนข้างจำกัด

กลยุทธ์การลงทุน สำหรับคนที่มีหุ้นอยู่แล้ว ให้หาจังหวะขาย เพื่อลดความเสี่ยงในช่วงที่หุ้นฟื้นตัวขึ้นมา เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้ต่างจากภาพในอดีตที่เคยเกิดขึ้น ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงในขณะนี้ต้องหาจุดต่ำสุดที่เป็นพัฒนาการใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับภาพในอดีตแล้ว ส่วนคนที่ต้องการเข้าลงทุนเพิ่มนั้น อยากให้รอดูความชัดเจนก่อน ว่าสถานการณ์รัสเซียและยูเครนพอจะมีทางออกหรือไม่ จึงมองว่าขณะนี้ยังไม่ใช่จังหวะที่ดีในการซื้อลงทุน โดยให้แนวรับถัดไปที่ระดับ 1,580-1,590 จุด ซึ่งมีโอกาสลงไปถึงได้ หากสถานการณ์ความขัดแย้งทั้ง 2 ประเทศยังยืดเยื้อต่อไป โดยกลุ่มหุ้นที่ยังสามารถลงทุนได้คือ กลุ่มค้าปลีก อุปโภคบริโภค และสื่อสาร อาทิ ทรู ดีแทค ซีพีออลล์ แม็คโคร โอสถสภานายณัฐพลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image