อินเด็กซ์ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายโต 10% ดันไลน์สินค้าเครื่องนอน เพิ่ม Synergy ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า-สินค้าเกาหลี
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจ ในปี 2565 ว่า
จากแนวโน้มสัญญาณการฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์และมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าตลาดที่อยู่อาศัยจะมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับความต้องการเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน จึงได้มีแผนงานขยายสาขาในประเทศ 1 สาขา บนทำเลย่านลาดกระบัง ในรูปแบบมิกซ์ยูส ที่มีส่วนพื้นที่ขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ ของตกแต่งบ้าน และพื้นที่เช่า ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 4 ของปีนี้
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ได้เตรียมขยายสาขาในรูปแบบการให้สิทธิ์แฟรนไชส์กับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ บรูไน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ราว 5 สาขา
โดยอยู่ในระหว่างการหารือความร่วมมือและมองโอกาสในการทำตลาดร่วมกัน นอกจากนี้ยังวางแผนกระจายความเสี่ยง (Diversify) ไปยังธุรกิจที่มีความ Synergy กับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจ หรือขยายธุรกิจที่มองว่ายังมีช่องทางการทำตลาด เพื่อต่อยอดสร้างรายได้เสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านอย่างครบวงจรอีกด้วย อีกทั้งทางบริษัทยังได้มีการเปิดซุปเปอร์มาเก็ตจำหน่ายสินค้าของประเทศเกาหลี ภายใต้ชื่อ SEOUL U MART รวม 2 สาขาตั้งแต่ปลายปี 2564
รวมไปถึง การที่บริษัทได้ร่วมมือกับ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) ในการที่ให้สิทธิพื้นที่เช่าการขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้บริษัทมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่จากพันธมิตรเข้ามาเสริม และจากศักยภาพการขายและการทำสาขาของ COM7 จะสามารถช่วยดึงดูดลูกค้าเข้ามาในสาขาได้เพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาคตบริษัทอาจจะมีความร่วมมืออื่นๆกับทาง COM7 เพิ่มเติมได้อีกเช่นกัน
น.ส.กฤษชนก กล่าวว่า พร้อมกันนี้ได้บริษัทยังได้จับมือกับ นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือ วู้ดดี้ เปิดตัวแบรนด์ “DREAMIA” หมอนไฮบริด เพื่อรองรับตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสินค้าที่นอนและเครื่องนอน ของบริษัทให้หลากหลาย ซึ่งในปี 2564 กลุ่มสินค้าดังกล่าว มีอัตราการเติบโตถึง 16 %
สำหรับการขายผ่านช่องทางออนไลน์ยังคงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพฤติกรรมของคนในปัจจุบันหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มมีความคุ้นเคยและเชื่อมั่นกับการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายออนไลน์ภายใน 2-3 ปี จะเพิ่มขึ้นไปที่ 20% ของยอดขายรวม จากปี 2564 ที่มีสัดส่วน 10% จากยอดขายรวม หรืออยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท
“ทั้งนี้จากการกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2565 ภายใต้วิสัยทัศน์ INDEX NEXTPERIENCE 2022 รวมถึงการนำกลยุทธ์ในด้านต่างๆ มาขับเคลื่อนการดำเนินงาน จะสามารถผลักดันยอดขายได้ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไว้ที่ 10% โดยมียอดขายรวม 8,200 ล้านบาท” น.ส.กฤษชนก กล่าว