คลัง เผยเห็นชอบแผนงานมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อน ศก. คาดจีดีพีไทยปี’65 โต 4%

พรชัย ฐีระเวช

คลัง เผยผลการประชุม เห็นชอบแผนงานความร่วมมือ มุ่งเน้นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คาดการณ์จีดีพีไทยปี’65 โต 4%

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมปลัดกระทรวงการคลังและธนาคารกลางเอเปค ระหว่างวันที่ 16-17 มีนาคม 2565 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน พร้อมด้วยนายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม และมีผู้แทนสมาชิกเอเปค ผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กลุ่มธนาคาร เป็นต้น และผู้แทนภาคเอกชนจากสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค ร่วมประชุมภายใต้แนวคิดหลัก “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งสู่การเงินการคลังยั่งยืน”

นายพรชัยกล่าวว่า การประชุมวันนี้มีการหารือที่สำคัญ ดังนี้ แผนงานความร่วมมือภายใต้กรอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเปค 2022 ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนงานดังกล่าว ที่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูภูมิภาคเอเปคในบริบทโลกหลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อมุ่งสู่การเป็นสังคมดิจิทัลและการเงินอย่างยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 3 มิติ ได้แก่ การค้าและการลงทุน นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล

นายพรชัยกล่าวว่า ด้านสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ภูมิภาค และแนวโน้ม ผู้แทนหน่วยงานสนับสนุนนโยบายของเอเปค ได้นำเสนอผลวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจของภูมิภาค โดยที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากปัจจัยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ปัจจัยด้านข้อจำกัดในการเดินทาง และปัญหาผลกระทบด้านอุปทาน ทั้งนี้ ผู้แทนได้ประมาณการเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2565 และปี 2566 จะขยายตัวที่ 4.4% และ 3.8% ต่อปี ตามลำดับ ในขณะที่เศรษฐกิจเอเปคจะขยายตัวที่ 4.2% และ 3.8% ต่อปี ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ เช่น การกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 อัตราเงินเฟ้อ การปรับตัวสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ระดับหนี้ที่สูง และการปรับตัวสูงขึ้นของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งอาจเพิ่มแรงกดดันต่อปัญหาเงินเฟ้อและความชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานได้

Advertisement

นายพรชัยกล่าวด้วยว่า ขณะที่ผู้แทนจากไอเอ็มเอฟได้คาดว่าในปี 2565 เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ 4.4% ต่อปี โดยภูมิภาคเอเปคในปี 2565 จะขยายตัวที่ 4.0% ต่อปี สำหรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายเขตเศรษฐกิจเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สะท้อนจากยอดผู้ติดเชื้อสะสมใหม่เฉลี่ย 7 วันที่มีจำนวนลดลง ปริมาณผู้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เริ่มมีความไม่แน่นอนมากขึ้น สะท้อนจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในหลายๆ เขตเศรษฐกิจได้ปรับตัวสูงขึ้น

“สำหรับเศรษฐกิจไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะผู้แทนไทยได้นำเสนอสถานการณ์และทิศทางเศรษฐกิจไทยโดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวได้ 4.0% ต่อปี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปัญหาความไม่แน่นอนของด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ปรับตัวดีขึ้น นโยบายการคลังที่สนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวจากต่างชาติจะสามารถกลับมาเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังซึ่งจะส่งผลบวกต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตต่อไป” นายพรชัยกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image