10 มาตรการเร่งด่วน รัฐช่วยค่าไฟ-น้ำมัน-ก๊าซ-เงินประกันสังคม เริ่มเมื่อไหร่ เช็กเลย!
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศ 10 มาตรการเร่งด่วน ดูแลประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ที่ได้ผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน จากความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย จนส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้น และประเมินว่าสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว ประกอบด้วย
1.การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/3 เดือน มาตรการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565
2.ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน สนับสนุนโดย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เริ่มวันที่ 1 เมษายน 2565
3. ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการเพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม คาดว่าจะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 2565
4.คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565
5.ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม เริ่มแล้วเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565
6.ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน หรือประมาณ 1,200-1,300 บาทต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วย ในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม เท่ากับว่ากลุ่มนี้จะจ่ายค่าไฟเท่ากับเดือนก่อนหน้า กรณีใช้จำนวนหน่วยเท่าเดิม
7.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งนึง อาทิ ราคาน้ำมันดีเซล 32 บาทต่อลิตร ส่วนต่าง 2 บาทที่เพิ่มขึ้น ประชาชนจ่าย 1 บาท รัฐดูแล 1 บาท เท่ากับประชาชนจะจ่าย 31 บาท
8.กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป โดยวันที่ 1 เมษายนนี้ แอลพีจีจะปรับเพิ่มขึ้นกิโลกรัมละ 1 บาท ถังขนาด 15 กิโลกรัม จะเพิ่มเป็น 333 บาท จากเดิม 318 บาท โดยกองทุนน้ำมันจะอุดหนุนส่วนต่างที่เหลือ ซึ่งปัจจุบันราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงถึงประมาณ 460 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
9.ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป
10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน
โดยหลังจากนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่จัดทำมาตรการ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึง 10 มาตรการอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย โดยขณะนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรแล้ว
