ดีอีเอส เปิดตัว ‘ศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ’ รายงานค่าฝุ่นละอองเรียลไทม์ทั่วไทย

ดีอีเอส เปิดตัว ‘ศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ’ รายงานค่าฝุ่นละอองเรียลไทม์ทั่วไทย

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่อาคาร NT Tower บางรัก กรุงเทพฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานเปิดที่ทำการศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (National Environmental Data) พร้อมด้วยนาวาอากาศเอก สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ กรรมการ และรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที เข้าร่วม โดยศูนย์ข้อมูลฯเป็นโครงการที่ดีอีเอส โดยกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มอบทุนอุดหนุนการวิจัยให้เอ็นที เป็นผู้ดำเนินการเพื่อติดตั้งสถานีตรวจวัดฝุ่น และภูมิอากาศในประเทศไทย มีเป้าหมายเพื่อตรวจวัดและวิเคราะห์ข้อมูลฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) เพื่อแจ้งเตือนแก่ประชาชน

นายชัยวุฒิกล่าวว่า โครงการศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศแล้วเกือบ 8,000 สถานี ทั้ง 76 จังหวัด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 900 อำเภอ 5,000 ตำบล โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย คือพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของประชากรสูง หรือเป็นพื้นที่ที่มีผลกระทบหรือความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยสถานีทั้งหมดจะสามารถเก็บข้อมูลต่างๆ ได้แก่ ฝุ่น PM1 PM2.5 PM10 อุณหภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ รวมทั้งทิศทางและความเร็วลม ซึ่งข้อมูลคุณภาพอากาศและภูมิอากาศ จะถูกเก็บทุกๆ 5 นาที และส่งผ่านเครือข่าย LoRaWAN ของเอ็นที และเข้าสู่คลังข้อมูล (Big Data) เพื่อทำการจัดเก็บและวิเคราะห์ต่อไป และเมื่อโครงการเก็บสะสมข้อมูลได้ต่อเนื่องมากเพียงพอจะทำให้สามารถวิเคราะห์และพยากรณ์โอกาสที่จะเกิดปัญหาฝุ่น PM เฉพาะพื้นที่ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ที่ https://rguard.ntdigitalsolutions.com หรือสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น RGuard ได้ทั้งระบบ iOS และ Android นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลยังให้บริการข้อมูลต่างๆ ที่เก็บรวบรวมได้จากสถานีตรวจวัดอากาศเหล่านี้ในแบบข้อมูลสาธารณะ (Open Data) แก่หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา ตลอดจนผู้สนใจ ให้สามารถนำไปใช้งานได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อการวิจัย ข้อมูลสถิติ หรือสร้างเป็นแอพพลิเคชั่น อันจะเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และเพื่อส่งเสริมการสร้างมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัลอีกด้วย

Advertisement

นายวงกต วิจักขณ์สังสิทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจดิจิทัล เอ็นที กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูล สามารถสร้างประโยชน์ได้มหาศาล เมื่อสามารถรู้คุณภาพอากาศได้ รัฐก็สามารถออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน เช่น การแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นในช่วงที่ฝุ่น PM2.5 มีค่าสูง ทำให้ไม่สูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ประวัติข้อมูลย้อนหลังสามารถคาดการณ์คุณภาพอากาศได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น บอรดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แต่ก่อนเรื่องคุณภาพอากาศไม่สำคัญมาก แต่เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ปัญหาฝุ่น PM2.5 มีการพูดถึงในสังคมมากขึ้น ทำให้ประชาชนมีการตรวจเช็คคุณภาพอากาศ ผ่านแอพพ์ของต่างประเทศ ซึ่งใช้ข้อมูลเฉลี่ยในรอบวัน ไม่สามารถวัดได้แบบเรียลไทม์ แอพพ์ RGuard จะช่วยวัดคุณภาพอากาศแบบเรียล ไทม์ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถดูสภาพอากาศได้ด้วยเช่นกัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาตัววัดเซ็นเซอร์เพิ่มเติม และเพิ่มจุดวัดสภาพอากาศให้มากขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image