“จุรินทร์” ตั้งเป้าส่งออกผลไม้ 2.8 แสนล้าน ตลาดจีนใหญ่สุด

“จุรินทร์” ตั้งเป้าส่งออกผลไม้ 2.8 แสนล้าน จีนใหญ่สุด

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2565 และการแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันกับเต็มรูปแบบมีองค์กรต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประชุมเพื่อช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ ทั้งในส่วนของภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือและทุกภาคทั่วประเทศเป็นการล่วงหน้าสำหรับฤดูกาลผลิตปี 2565 จะมีผลผลิตผลไม้รวม 5.42 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% หรือ 0.61 ล้านตัน โดยทุเรียนเพิ่มขึ้น 22% มังคุด 43% ลำไย 8% เงาะ6% ลองกอง 1% ลิ้นจี่ 4% และมะม่วง 5%

ปีนี้ส่งออกผลไม้ 2.87 แสนล.บุกตะวันออกกลางเพิ่ม

สำหรับตลาดและการบริโภคผลไม้ในปี 2565 เป็นตลาดในประเทศ 30% และตลาดต่างประเทศ 70% โดยตลาดในประเทศจะประกอบด้วยห้าง ตลาด รถเร่ ร้านอาหารและแปรรูป และตลาดต่างประเทศมีจีน 65% สหรัฐอเมริกา 10% ฮ่องกง 4% เวียดนาม 3% และมาเลเซีย 1% และจะขยายตลาดใหม่ไปยังประเทศตะวันออกกลางเพิ่มเติมมากขึ้น ผลักดันให้มีการซื้อขายมากขึ้น เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย บาห์เรน อิสราเอล อิหร่าน ตุรกี ขณะที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกเพราะสัดส่วนส่งออกทั้งสองประเทศไม่มีนัยสำคัญ

“ปี’65 ตั้งเป้าส่งออกผลไม้เพิ่มขึ้น 15% จากปีที่แล้วมีมูลค่า 250,000 ล้านบาท อยู่ที่ 287,500 ล้านบาท แบ่งเป็นผลไม้สด 191,000 ล้านบาท ผลไม้แช่เย็น/แช่แข็ง 14,000 ล้านบาท ผลไม้แห้งและอื่นๆ 23,000 ล้านบาท ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 55,300 ล้านบาท “

Advertisement

 

มีตลาดรองรับแล้ว 4.5แสนตัน

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับการเตรียมตลาดล่วงหน้ารองรับ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้กำหนดมาตรการเชิงรุกล่วงหน้า คือมาตรการ 17+1 โดยเพิ่มมาตรการเปิดด่านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพิ่มขึ้นมาเป็นมาตรการที่ 18 หลังใช้มาตรการมีตลาดรองรับแล้ว 450,000 ตัน ส่วนที่เหลือจะเป็นไปตามกลไกตลาด ที่เกษตรกรผลิตผลไม้ที่ได้คุณภาพ ล้งรับซื้อตามมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกดำเนินการเตรียมการส่งออกต่อไป

Advertisement

เร่งทะลวงคอขวดส่งออกไปจีน

“การส่งออกผลไม้ไทยตลาดใหญ่อยู่ที่ประเทศจีน เมื่อปี’64 มีมูลค่าส่งออก 163,000 ล้านบาท ปริมาณ 2.2 ล้านตันโดยประมาณ ซึ่งส่งออก 3 เส้นทางหลัก ผ่านทางเรือ 51% ทางบก 48% และทางอากาศ 0.54% ซึ่งวันนี้ที่ประชุมร่วมกับภาคเอกชนมีเสนอทางออกร่วมกัน 8 ประเด็นในการแก้ปัญหาส่งออกไปตลาดจีน“นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับ 8 ประเด็นประกอบด้วย 1.จะเจรจากับทางการจีนขอให้ช่วยเปิดด่านตงชิงเพิ่มรวมกับด่านปัจจุบันเป็น 4 ด่าน เพื่อระบายผลไม้ออกไปได้ และขยายเวลาเปิดด่าน อำนวยความสะดวกให้กับการส่งออกผลไม้ไทยได้มอบให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรเจรจาต่อไป

2.ทางฝั่งลาวที่ไทยส่งผลไม้ไปจีน จากเชียงของไปด่านโม่ฮานของจีน โดยผ่านด่านบ่อเต็นจะให้ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตรและกระทรวงการต่างประเทศช่วยเจรจา ในการถ่ายรถจากเดิมรถไทยเมื่อผ่านด่านเชียงของจะถ่ายรถครั้งเดียวที่ด่านบ่อเต็นเข้าจีนได้เลย แต่ช่วงหลังทางการลาวเปลี่ยนระบบให้ถ่ายรถที่ด่านเชียงของทำให้มีปัญหาอุปสรรครถลาวมีไม่เพียงพอ จะเจรจาขอให้กลับไปถ่ายรถที่ด่านบ่อเต็นหรือให้ลาวเพิ่มรถ

3.การขนส่งทางเรือ แม้ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายแล้วและค่าระวางเรือยังทรงอยู่ แต่อยากให้เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่าของไทยมากขึ้น ซึ่งหากมีมาตรการอนุญาตให้ถ่ายลำจะจูงใจให้เรือใหญ่เข้ามาและนำตู้เข้ามาได้จะช่วยให้มีตู้ส่งออกไปได้มากขึ้น

4.การขนส่งทางอากาศ ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ การท่าอากาศยาน สายการบินต่างๆ ผู้ส่งออกเร่งเจรจาร่วมกัน และธนาคารเพื่อการส่งออก ช่วยสนับสนุนสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนเพื่อให้ต้นทุนการขนส่งลดลง และเพิ่มช่องทางการส่งออกผลไม้ปีนี้ไปยังจีนได้

5.การขนส่งผ่านรถไฟโดยเฉพาะรถไฟลาว-จีน ซึ่งรถไฟลาวจีนเริ่มต้นจากหนองคายไปเวียงจันทน์และเข้าจีนที่ด่านโม่ฮาน แต่ด่านโม่ฮาน ยังไม่เสร็จต้องรอเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปให้ทูตพาณิชย์และทูตเกษตร เจรจากับทางการ ลาว ถ้าขนส่งผลไม้ผ่านรถไฟลาว-จีน เมื่อเข้าเวียงจันทน์ให้ผ่านด่านโม่ฮาน แล้วไปตรวจครั้งเดียวที่คุนหมิงที่เป็นจุดหมายปลายทาง หรือที่ด่านบ่อเต็นก็ได้ เพื่อเพิ่มช่องทางระบายผลไม้

6.การขนส่งผลไม้เส้นทางนครพนม ลาว ต้องผ่านเวียดนามแล้วไปจีน ตนจะเจรจาเวียดนามให้อำนวยความสะดวก ลดการจราจรติดขัดหน้าด่านฝั่งเวียดนาม ในการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) วันที่ 20 เมษายนนี้

7. เอกชนขอให้ช่วยเจรจากับทางการจีน เรื่องรถที่ตรวจพบโควิดที่ด่านก่อนเข้าด่านจีน ปกติจีนจะนำไปฉีดฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและปิดด่าน จะเจรจาพ่นฆ่าเชื้อแล้วส่งกลับและให้แบล็คลิสต์ โดยไม่ต้องปิดด่าน และ8. การเคลื่อนย้ายแรงงานช่วยเก็บเกี่ยวผลไม้ที่ภาคตะวันออก หลังหมดฤดูผลไม้แล้ให้ไปรับซื้อผลไม้ที่ภาคใต้ด้วย

“คงจะกำหนดกรอบเวลาดำเนินการได้100% เพราะขึ้นอยู่กับการเจรจา ต่อไปไม่ใช่ทำหนังสือถามตอบกัน เพราะปัญหาจะไม่จบ ต้องมีหารือกันด้วยตัวเอง เพื่อให้ทุกอย่างขับเคลื่อนได้รวดเร็ว ทางเกษตรกรจะได้สบายใจว่ารัฐบาลพยายามช่วยกันแก้ปัญหาล่วงหน้า และจากมาตรการเชิงรุกและการแก้ปัญหาที่ทันท่วงทีมาก ทำให้ผลไม้ปีที่แล้วราคาดีมาก ปีที่แล้วทุเรียนราคาเฉลี่ยกิโลละ 100 กว่าบาท มังคุดเกรดส่งออก 230 บาท ตอนนี้มังคุดบางพื้นที่ยังไม่ได้ออก ผมได้สั่งการพาณิชย์หลายพื้นที่คอนแทรคฟาร์มมิ่ง ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จะได้มีการประกันว่าถ้าทำได้คุณภาพนี้จะมีการระบายราคากิโลละเท่าไหร่เป็นอย่างต่ำ ”นายจุรินทร์กล่าว

ม.ค.ส่งออกผลไม้สดหดตัว19.12%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการส่งออกผลไม้ในเดือนมกราคม 2565 มีปริมาณทั้งหมด 270,867 ตัน คิดเป็นมูลค่า 12,319 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5.75% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564

โดยเป็นการส่งออกผลไม้สดในปริมาณ 111,722 ตันมูลค่า 5079 ล้านบาท หดตัว 19.12% ผลไม้แช่เย็น/แช่แข็ง 3,599 ตัน มูลค่า 616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.29% ผลไม้แห้งและอื่นๆ 57,542 ตันมูลค่า 1,707 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 69.57% ผลไม่แปรรูป/กระป๋อง 98,004 ตันมูลค่า 4,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.61%

สำหรับตลาดหลัก 5 อันดับแรก คือ จีนมีปริมาณ 141,113 ตัน มูลค่า 6,202 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวลดลง 0.04% สหรัฐอเมริกา 33,975 ตัน มูลค่า 2,042 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัว 10.24% ฮ่องกง 5,864 ตัน มูลค่า 347.18 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัวลดลง24.65% มาเลเซีย 12,547 ตัน มูลค่า 293.46 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัว 37.39% ญี่ปุ่น 4,664 ตัน มูลค่า 282.89 ล้านบาท มีอัตราการขยายตัว 29.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image