ผู้ประกอบการ วอนรัฐสกัดจังหวัดกลุ่มเหลือง ‘ลักลั่น’ จำกัดดริงก์ หวั่นต้นเหตุเพิ่มอุบัติเหตุ

ผู้ประกอบการ วอนรัฐสกัดจังหวัดกลุ่มเหลือง ‘ลักลั่น’ จำกัดดริงก์ หวั่นต้นเหตุเพิ่มอุบัติเหตุ

นายธนากร คุปตจิตต์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ไทย และผู้บริหารบริษัทนำเข้าและจำหน่ายสุรา เปิดเผยถึงกรณีศบค. ปรับปรุงพื้นที่ในสถานการณ์โควิด-19 มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป ทำให้หลายพื้นที่มีการผ่อนปรนเรื่องการจำหน่ายและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ด้วย นั้น เป็นเรื่องที่ดีที่มีการผ่อนปรนและลดพื้นที่ควบคุม(สีส้ม) จาก 44 จังหวัด เหลือ 20 จังหวัด ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เพิ่มจาก 25 จังหวัด เป็น 47 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) อีก 2 จังหวัดเป็น 26 จังหวัด แต่ภาคธุรกิจได้มีการตั้งข้อสังเกตุในทางปฎิบัติอาจเกิดอุปสรรคและปัญหาได้

ในกรณีบางจังหวัดในพื้นที่สีเหลืองมีข้อจำกัดหรือข้อห้ามเรื่องการดื่มแฮลกอฮอลล์ ซึ่งที่ผ่านมาบางจังหวัดในพื้นที่สีเหลือง มีคำสั่งห้ามจำหน่ายและดื่มสุราแบบทั่วไปเหมือนพื้นที่สีเหลืองสามารถทำได้ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ไปซื้อสุราและดื่มกินในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง ผลที่ตามมาคือมีจังหวัดในจังหวัดที่ยังมีข้อจำกัดนำโควิดไปแพร่ระบาดในจังหวัดอื่น หรือ คนในจังหวัดไปรับเชื้อจากจังหวัดอื่นเข้ามา อีกทั้งเป็นเพิ่มจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนเพราะต้องเดินทางไปซื้อหรือดื่มกิน ที่มักเป็นแบบนัดเป็นกลุ่มย่อยๆ

“เป็นเรื่องลักลั่นในทางปฏิบัติ ที่ผ่านมาจะมีประมาณ 10 % หรือ 2-3 จังหวัดที่ยังจำกัดเรื่องดริงก์ หรือการค้าแบบปกติ ยิ่งเพิ่มจำนวนจังหวัดในพื้นที่สีเหลืองเป็น 47 จังหวัด แค่10 % อาจเพิ่มเป็น 5-7 จังหวัด เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันผู้ประกอบการต้องแข่งขันเรื่องการหาลูกค้าและทำรายได้ หากพื้นที่หนึ่งที่มีในกลุ่มสีเดียวกันทำได้ แค่บางส่วนยังห้าม ก็เกิดปัญหาทางปฎิบัติได้ เรื่องนี้อยากให้ทบทวน ว่าเมื่อโดยรวมปลดล็อกและผ่อนคลายแล้ว ก็น่าจะยึดในหลักเดียวกัน ลดทั้งการเคลื่อนย้ายคนและอุบัติเหตุทางจราจร อีกทั้งเป็นการสวนทางกับสัญญาณที่ดีทั้งเรื่องความกังวลต่อึความรุนแรงโควิดลดลง และปล่อยให้จัดกิจกรรมมากขึ้นได้ และรัฐอยากให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ก็ควรพิจารณาในทางปฎิบัติจริงด้วย ถ้าจังหวัดสีเหลืองยังห้ามมีข้อจำกัด ก็ควรไปอยู่จังหวัดสีส้มเลยจะเหมาะสมกว่า” นายธนากร กล่าว

นายธนากร กล่าวว่า ในส่วนเรื่องผ่อนปรนการดื่มสุราเกิน 5 ทุ่ม( 23.00น.) นั้น หากเป็นเรื่องร้านอาหารทั่วไป จะส่งผลดีขึ้น และดีต่อการจำหน่ายเบียร์มากกว่าสุรา เพราะยอดสุรายึดกับกิจกรรมสถานบันเทิง เช่น ผับ บาร์ และกิจกรรมในเทศกาล เช่น สงกรานต์ ซึ่งก็มีข้อกำจัด จำหน่ายเบียร์อาจดีขึ้น แต่สุรายังเหนื่อยอยู่มาก

Advertisement

ดังนั้น ในด้านสุรากว่าจะฟื้นตัวต้องขอการเปิดประเทศ ปลดล็อกกิจกรรมและธุรกิจ ซึ่งคาดหวังในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และจากที่หารือภาคธุรกิจ เห็นพ้องกันว่า เพื่อลดปัญหา ควรดึงการดื่มแอลกอฮอลล์ให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมได้และมีมาตรการดูแลเรื่องการแพร่ระบาด ดีกว่า ให้มีการแอบซื้อและตั้งวงดื่มกันเอง รัฐควรใช้หลักบริการจัดการมากใช้วิธีการบังคับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image