“ต้นทุนแพง” ดัน ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์-คอนโด ไตรมาสแรกปรับขึ้น 0.2-0.7%

“ต้นทุนแพง” ดัน ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์-คอนโด ไตรมาสแรกปรับขึ้น 0.2-0.7%

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์(REIC) เปิดเผยว่า ได้จัดทำดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่และห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในช่วงไตรมาส 1/2565 พบความเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.4%

เนื่องจากมีกำลังซื้อที่จำกัดจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาดต่อเนื่องกว่า 2 ปี ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัจจัยลบจากสงครามรัสเซียและยูเครน ทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 2565 ประสบกับภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงขึ้น อาจจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจปรับตัวลดลงจาก 3.5 – 4.5% กระทบต่อความสามารถซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มเรียลดีมานด์ เป็นกำลังซื้อหลักในตลาดบ้านจัดสรรสร้างใหม่ลดลงในอนาคต

นายวิชัยกล่าวว่า เมื่อจำแนกตามพื้นที่พบว่ากรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 126.2 ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.3% พื้นที่ 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 128.4 ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.6% ชี้ให้เห็นว่าดัชนีราคาบ้านจัดสรรในไตรมาสนี้เริ่มขยับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าเล็กน้อย อาจเป็นการส่งสัญญาณทิศทางการเพิ่มของราคาบ้านจัดสรรที่เกิดจากแรงผลักด้านต้นทุน ราคาวัสดุก่อสร้าง ค่าจ้างแรงงาน และราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

โดยดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ในไตรมาส 1/2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 125.8 ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น0.7% โดยกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 125.2 ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.7% ด้าน 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 125.9 ลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น0.6%

Advertisement

ขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮ้าส์ ในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในไตรมาส 1/2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 129.0 ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 127.1 ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้นเพียง0.02% และ3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 131.6 ลดลง 0.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 0.6%

สำหรับดัชนีราคาห้องชุดใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 1/2565 มีค่าดัชนีเท่ากับ 151.7 จุด ลดลง 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเพิ่มขึ้น 0.3% ชี้ให้เห็นว่า ราคาห้องชุดใหม่มีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อและต้นทุนค่าก่อสร้างใหม่ หลังห้องชุดใหม่สร้างเสร็จเหลือขายในสต๊อกของผู้ประกอบการในราคาต้นทุนค่าก่อสร้างเดิมได้ถูกดูดซับจากตลาดไปมากพอสมควรแล้ว

“ราคาห้องชุดใหม่ยังลดลงต่อเนื่องเป็นผลกระทบภาวะอุปทานที่ยังคงเหลืออยู่จากการหดหายไปของกำลังซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ที่ยังไม่เปิดประเทศ รวมทั้งการหดหายไปของกำลังซื้อในกลุ่มนักลงทุนและนักเก็งกำไรที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV แม้จะผ่อนคลายมาตรการ LTV แล้ว แต่กำลังซื้อส่วนใหญ่ ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจากโควิดมีการระบาดรุนแรงหลายระลอกกว่า 2 ปี ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ประกอบกับสงครามรัสเซียและยูเครน ยิ่งส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจขยายตัวลดลงจากที่คาดไว้”นายวิชัยกล่าว

Advertisement

นายวิชัยกล่าวว่า จากปัญหายอดขายห้องชุดที่หดตัวลง ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดขายโครงการอาคารชุดใหม่ในช่วงปี2563 – 2564 ส่งผลดีทำให้เกิดการลดอุปทานส่วนเกินในตลาดอาคารชุดสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ดัชนีราคาห้องชุดใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในไตรมาส 1/565 เมื่อพิจารณาแยกตามพื้นที่ ในส่วนกรุงเทพฯ มีค่าดัชนีเท่ากับ 153.2 จุด ลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ด้าน 2 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 144.1 จุด ลดลง 0.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับการส่งเสริมการขายบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขายในไตรมาสนี้ พบว่าส่วนใหญ่ 45.7 % เป็นการให้ส่วนลดเงินสด มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วน 28.8% รองลงมา 28.6% เป็นการให้ของแถม ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีสัดส่วน 44.4% และเป็นการให้ส่วนลดค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์หรือฟรีค่าส่วนกลาง เป็นสัดส่วน 25.8% ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วน 26.7%

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image