ตั้ง 2 คณะทำงานตรวจสอบสัญญา-ด้านวิศวกรรม เหตุผนังอาคารดอนเมืองถล่ม ประเมินเสียหาย 20 ล้านบ.
เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง นายพิศักดิ์ จิตวิริยะวศิน รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกำแพงอาคารเซอร์วิสฮอล์ สนามบินดอนเมืองพังถล่ม เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมร่วมกับคณะกรรมการฯ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางในการทำงาน โดยตั้งคณะทำงาน 2 คณะ คือ 1.ดูแลการตรวจสอบด้านวิศวกรรม และ 2.ตรวจสอบด้านสัญญาว่าดำเนินการครบถ้วนหรือไม่ และจะประชุมอีกครั้งวันที่ 29 เมษายนนี้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ตรวจสอบอาคารสำนักงานของดอนเมืองอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน และได้สั่งการให้ท่าอากาศยานอื่นๆ ทำการตรวจสอบเช่นกัน เพื่อป้องกันภัยที่จะเกิดในช่วงฤดูฝน
นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง) ทอท. กล่าวว่า สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าตัวคานรับรางระบายน้ำ รับน้ำฝนและลมพัดเข้ามาปริมาณมาก เกิดการบิดตัวขึ้นสองช่วงเสา จนทำให้กำแพงพังลงมา ซึ่งอาคารนี้สร้างเสร็จช่วงเดือนมิถุนายน 2563 และยังไม่ได้มีการเปิดใช้ จึงไม่มีผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่อยู่ ขณะนี้ ได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้วิศวกรรมสถานฯ ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจความเสียหาย กำแพง คานรับน้ำฝน และโครงสร้างหลัก ว่ามีความกระทบหรือไม่ ซึ่งผู้รับเหมาสามารถเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมได้ เนื่องจากอยู่ในช่วงประกัน พร้อมตั้งกรอบการดำเนินการ ให้คืนสภาพภายใน 1 สัปดาห์ และการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนหมดประกัน เบื้องต้นประเมินความเสียหายที่ 20 ล้านบาท จากมูลค่าอาคารทั้งหลังอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท พร้อมขอให้มั่นใจว่า อาคารผู้โดยสาร 1-2 มีความแข็งแรง ส่วนที่เกิดขึ้น ย้ำว่ามีการออกแบบให้รองรับแรงลม แรงพายุอยู่แล้ว แต่เหตุที่เกิดขึ้น ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
นายกีรติ กล่าวว่า ส่วนกรณีสัญญาที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความผิดปกติยืนยันว่า โครงการนี้มีการดำเนินการตั้งแต่ปี 2561 ตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ผู้ที่เสนอคราคาต่ำที่สุด จะได้มาลงนามกับทอท. แต่ผู้ที่ชนะการประมูลรายแรกไม่ยอมมาลงนาม แม้จะแจ้งให้เข้ามาลงนามเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว จึงยืนยันว่าไม่ได้นำงานนี้ไปให้อีกบริษัท กรณีนี้มีการตั้งคณะกรรมการอีกชุดเพื่อให้สิ้นข้อสงสัยโดยเฉพาะสัญญานี้ ส่วนเรื่องการปรับหรือลงโทษบริษัทรับเหมาจะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งก่อน
