ราคาเหล็กพุ่งดันต้นทุนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ส.เหล็กหนุนรัฐขึ้นค่าKช่วยรับเหมา

สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เผยสงครามรัสเซีย-ยูเครน ดันราคาเหล็กทั่วโลก กดดันผลิตในประเทศร่วง 14.6% หนักกว่านำเข้า ต้นทุนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพิ่มขึ้น วอนรัฐปรับค่างานก่อสร้างช่วยผู้รับเหมา ช่วยผู้ผลิตเหล็กขายตามกลไกตลาด

นายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาของอุตสาหกรรมเหล็กในภูมิภาคเอเชีย ว่า มีการปรับตัวสูงขึ้นทั้งในส่วนของวัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูป เดือนเมษายน 2565 ราคาเหล็กแท่งแบน และเหล็กแท่งเล็ก ปรับขึ้น 27.4% และ 25.2% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 สาเหตุจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนส่งผลต่อต้นทุนพลังงานเชื้อเพลิง และการขาดหายไปของสินค้าเหล็กในตลาดโลกบางส่วน ขณะที่สถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กไทย พบว่า ปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์เหล็กช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 2.54 ล้านตัน ลดลง 14.3% นำเข้า 1.58 ล้านตัน ลดลง 12.3% ผลิตในประเทศ 1.17 ล้านตัน ลดลง 14.6% ถูกกระทบมากกว่านำเข้า แต่มเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การผลิตของอุตสาหกรรมเหล็กไทยที่ปรับลดลงส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของผู้ประกอบการไทยลดลงด้วยเหลือเพียง 29.9% จากระดับ 37% ในปี 2564 ระดับต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย อาทิ เวียดนาม ไต้หวัน เกาหลีใต้ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตมากกว่า 50% ทั้งนี้ การสนับสนุนการใช้สินค้าเหล็กในประเทศ โดยเฉพาะงานโครงการภาครัฐจะช่วยเศรษฐกิจในประเทศมหาศาล ดังนั้นรัฐควรปรับค่างานก่อสร้าง (ค่า K) ให้เหมาะสมตามสถานการณ์จริง จะช่วยลดผลกระทบของผู้รับเหมาจากกรณีงานจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่สินค้าเหล็กปรับขึ้นราคา และช่วยให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศจำหน่ายสินค้าสอดคล้องต้นทุนและกลไกตลาด ซึ่งปัจจุบันมีกรมการค้าภายในตรวจสอบและควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว

“สถาบันเหล็กฯได้รับข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ถึงดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่าค่าดัชนีมีค่าเท่ากับ 127.3 ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 นับตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2564 ดังนั้นหากพิจารณาถึงราคาสินค้าเหล็กที่มีการปรับตัวสูงสุดในปี 2564 ในขณะที่ดัชนีราคาบ้านจัดสรรใหม่ปรับลดลง แสดงให้เห็นว่าราคาสินค้าเหล็กที่ปรับตามกลไกตลาดไม่น่าจะกระทบต่อผู้บริโภคโดยทั่วไป”นายวิโรจน์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image