ผู้เขียน | ณัฐชนัน ฐิติพันธ์รังสฤต |
---|
จอดป้ายประชาชื่น : คนละครึ่งแต่ช่วยแค่เสี้ยว?
ในสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ ทั้งราคาน้ำมันแพง อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ทำให้หลายภาคส่วนไม่ว่าจะภาคเอกชน ภาคประชาชน ต่างคาดหวังกับมาตรการที่รัฐจะช่วยบรรเทาค่าใช้จ่าย และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
โดยโครงการที่หลายฝ่ายต่างคาดหวัง หนีไม่พ้น โครงการ “คนละครึ่ง” ที่ดำเนินการต่อเนื่อง 4 ระยะ ได้เสียงตอบรับที่ดี กระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันมีประชาชนเข้าร่วมกว่า 26 ล้านคน และในโครงการคนละครึ่งระยะที่ 4 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายนนี้ ก็สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบได้ถึง 6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี จากที่หลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีโครงการคนละครึ่งต่อเป็นระยะที่ (เฟส) 5 ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับข้อเสนอไว้พิจารณา และสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงการคลัง การศึกษาว่าจะมีการดำเนินโครงการคนละครึ่งเฟสต่อไปหรือไม่ ใช้วงเงินเท่าไหร่
เบื้องต้น ภายใต้สมมุติฐานผู้ใช้สิทธิคนละครึ่งจำนวน 26 ล้านคนนั้น หากรัฐบาลพิจารณาที่คนละ 1,000 บาท รัฐจะใช้เงินสมทบ 26,000 ล้านบาท คนละ 1,200 บาท รัฐจะใช้เงินสมทบ 31,200 ล้านบาท และ 1,500 บาท รัฐจะใช้เงินสมทบ 39,000 ล้านบาท ส่วนงบประมาณนั้น ณ ตอนนี้รัฐบาลมีแหล่งเงินจาก พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน ที่เหลืออีกกว่า 70,000 ล้านบาท และอาจจะใช้งบจากส่วนอื่นได้อีก
นอกจากนี้ ยังมีกระแสการเปลี่ยนเงื่อนไขโครงการ เดิมที่ประชาชนจ่าย 50% รัฐสมทบให้ 50% อาจจะปรับใหม่ เป็นประชาชนจ่าย 75% และรัฐบาลจ่าย 25% ซึ่งการปรับปรุงเงื่อนไขนี้ มองจากมุมที่ว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาแล้ว ตามสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน และช่วยกระตุ้นใช้จ่ายได้มากขึ้น มีเงินหมุนเวียนมากกว่าเงื่อนไขเดิม เพราะประชาชนจะต้องควักเงินออกมาจ่ายมากขึ้น
ล่าสุดกระทรวงการคลังปฏิเสธไม่ได้พูด สงสัยต้องการตอกฝาโลงแนวคิดนี้
ณัฐชนัน ฐิติพันธ์รังสฤต