‘อนุทิน’ จ่อยกเลิก ‘ไทยแลนด์ พาส’ เล็งเพิ่มเงื่อนไขต่างชาติเข้าไทยต้องได้วัคซีนบูสเตอร์ก่อน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในฐานะประธานเปิดงาน MICE Day 2022: ไมซ์ไทย ก้าวสู่วันอันยิ่งใหญ่ ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงคุณค่า และความสำคัญของอุตสาหกรรมจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ (ไมซ์) ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 26 เมษายนของทุกปี เป็นวันจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ (MICE Day) ว่า หลังจากรัฐบาลได้ประกาศเปิดประเทศ และผ่อนคลายเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศไทย ผ่านการยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก และการตรวจหาเชื้อผ่านวิธี RT-PCR เมื่อเข้าไทย รวมถึงลดวงเงินประกันสุขภาพลงเหลือ 10,000 เหรียญสหรัฐ จากเดิม 20,000 เหรียญสหรัฐนั้น โดยภาคเอกชนเสนอให้ยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส เริ่มวันที่ 1 มิถุนายนนี้ด้วยนั้น เบื้องต้นต้องบอกว่ากระทรวงสาธารณสุขเน้นเรื่องการพิสูจน์หลักฐานการฉีดวัคซีน และการทำประกันสุขภาพของต่างชาติ ที่สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งอยากขอให้เดินหน้าไปทีละสเต็ป ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เป็นการยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก ซึ่งถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญ เนื่องจากเมื่อทำแล้วก็ไม่อยากถอยหลังกลับ อยากเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นายอนุทินกล่าวว่า แนวโน้มการพิจารณายกเลิกไทยแลนด์ พาส ในเร็วๆ นี้นั้น ต้องบอกว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทำทุกอย่างให้เป็นปกติเร็วที่สุด เพียงแต่จะเลือกหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมเมื่อใด อย่างไรมากกว่า เพื่อให้มีความพร้อมมากที่สุด ไม่ใช่ว่าไม่มีความพร้อม เพราะหากมีความพร้อมแล้วเมื่อเปิดประเทศ แต่เกิดปัญหาขึ้น ก็จะสามารถดูแลได้ โดยเกณฑ์การพิจารณาการยกเลิกระบบไทยแลนด์ พาส จะประเมินจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนทั่วโลกเป็นหลัก รวมถึงการกำหนดให้ผู้ที่ต้องการเดินทางเข้าไทยต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือบูสเตอร์โดสก่อน เนื่องจากคนส่วนใหญ่รับทราบอยู่แล้วว่า การจะเดินทางเข้าไทยจะต้องได้รับวัคซีนครบโดสก่อน แต่ตอนนี้มองว่าการรับวัคซีนเพียง 2 เข็มอาจไม่เพียงพอแล้ว เพราะมีการศึกษาพบว่าการรับวัคซีน 2 เข็มไม่ปลอดภัยมากเท่าที่ควร ผู้ที่ได้วัคซีน 3 โดสมีความปลอดภัยสูงกว่า
“ในอนาคต หากมีการยกเลิกไทยแลนด์ พาส อาจต้องเริ่มต้นจากการปรับเกณฑ์จาก 2 เข็มเป็น 3 เข็ม จึงจะอนุญาตให้เดินทางเข้าไทย เพื่อให้มีความปลอดภัยในระดับสูง โดยกำหนดเงื่อนไขหลักๆ คือ วัคซีนพาสปอร์ต กำหนดวัคซีน 3 เข็ม และการทำประกันสุขภาพ เพื่อรับประกันว่านักท่องเที่ยวจะได้รับการรักษา ไม่มีการเบี้ยวค่ารักษาพยาบาล และเป็นการลดภาระการใช้งบประมาณขอใประเทศในการรักษาหากติดโควิด-19 ส่วนในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ที่เริ่มต้นผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นั้น คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการประเมินสถานการณ์ เพื่อพิจารณาการยกเลิกไทยแลนด์ พาส โดยเมื่อใดที่โอกาสอำนวย ความปลอดภัยเกิดขึ้น อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ไม่ต้องโควิด-19 เป็นศูนย์ก็ได้ จะหามาตรการที่เหมาะสมที่สุดให้นักเดินทางที่จะเข้าไทย ซึ่งเน้นอย่าป่วยหนักและอย่าเสียชีวิต” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เป็นต้นไป จะเริ่มใช้มาตรการ “ฟรี อัพ ไทยแลนด์” (Free up Thailand) หลังจากสาธารณสุขได้ประเมินสถานการณ์และเตรียมความพร้อมของทั้งองคาพยพในด้านต่างๆ เพียงพอแก่ทั้งคนไทยและผู้ที่เดินทางเข้าไทยแล้ว ผ่านการดำเนิน 3 มาตรการ “3 พอ” ได้แก่ 1.มียาและเวชภัณฑ์เพียงพอ 2.มีบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอ และ 3.มีเตียงรองรับผู้ป่วยเพียงพอ
