จอดป้ายประชาชื่น : เปิดประเทศเต็มแรง(อีกครั้ง)

จอดป้ายประชาชื่น : เปิดประเทศเต็มแรง(อีกครั้ง) เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ผ่อนคลายเงื่อนไขในการเข้าประเทศไทย แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1.ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และ 2.ผู้ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบตามเกณฑ์โดยยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก และยกเลิกการตรวจ RT-PCR สำหรับคนที่ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ แต่ยังต้องลงทะเบียนผ่านระบบไทยแลนด์ พาส เพื่อตรวจสอบการฉีดวัคซีนและการทำประกันภัย วงเงิน 10,000 เหรียญสหรัฐ ที่ปรับลดลงจากเดิม อยู่ที่ 20,000 เหรียญสหรัฐ ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทำการตรวจเอทีเคหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของนักท่องเที่ยวเอง

ทำให้คาดหวังว่า การผ่อนคลายดังกล่าวจะเป็นแรงสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น จากในช่วงไตรมาส 1/2565 (มกราคม-มีนาคม) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 444,039 คน สร้างรายได้ 34,173 ล้านบาท

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า การปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศ จะไปสู่เป้าหมายได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายนนี้ จะต้องผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาไม่น้อยกว่าเดือนละ 300,000 คน และตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม ตั้งเป้านำนักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ล้านคน ก็มีความท้าทายตรงที่ประเทศคู่แข่งต่างเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวด้วย ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดุเดือดและเข้มข้นมากขึ้น

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. ระบุว่า วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งปี 2565 ประมาณ 5-15 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 1.3-1.8 ล้านล้านบาท จากนี้ไป ททท.วางแผนจะนำภาคเอกชนท่องเที่ยวออกโรดโชว์ทั่วโลก เป็นการเดินหน้าส่งเสริมตลาดที่สำคัญทั้งในระยะใกล้ และระยะไกลอย่างเข้มข้น

Advertisement

ด้านเอกชนรายหนึ่งมองว่า ขณะนี้ได้ผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศ จนเกือบกลับเป็นปกติแล้ว แต่ปัญหาหลักๆ คือ ระบบไทยแลนด์ พาส ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดปัญหาในการกรอกข้อมูล เกิดความล่าช้า และเปลี่ยนใจเดินทางไปเที่ยวที่อื่น

การจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวไทย ในช่วงที่หลายประเทศเปิดท่องเที่ยวอีกครั้งแล้ว อาจเป็นเรื่องที่ต้องออกแรงมากกว่าเดิม แม้ที่ผ่านมาจะแทบหมดแรงกันแล้วก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image