กรุงไทยจับเงินบาทวันนี้อ่อนค่า 34.55 บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้(3 พฤษภาคม 2565) ที่ระดับ 34.46 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ที่ระดับ 34.22 บาทต่อดอลลาร์ (ระดับปิด ณ วันที่ 29 เมษายน) มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ ที่ระดับ 34.10-34.60 บาท/ดอลลาร์ ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.35-34.55 บาท/ดอลลาร์
โดยแนวโน้มค่าเงินบาทยังผันผวนในฝั่งอ่อนค่าและมีโอกาสทดสอบแนวต้าน “34.50” บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัญหาการระบาดของโอมิครอนในจีน ปัญหาสงครามที่ยังยืดเยื้อ และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว อีกทั้ง ความกังวลแนวโน้มเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายยังคงเป็นปัจจัยกดดันให้ตลาดการเงินโดยรวมปิดรับความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม แนะนำผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และควรติดตามทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ เพราะแรงซื้อสินทรัพย์ไทยโดยเฉพาะหุ้นไทยอาจพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติอาจจะรอผลการประชุมเฟดก่อนมีการปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน
นายพูน กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีน อาจกดดันให้การขยายตัวของภาคการผลิตอุตสาหกรรมชะลอลงในเดือนเมษายน รวมถึงภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะกดดันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเช่นกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอาจลดลงสู่ระดับ 50 จุด ส่วนในด้านระดับราคาสินค้าผู้บริโภคหรือระดับเงินเฟ้อนั้น มองว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายน อาจชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนสู่ระดับ 5.4% หลังราคาสินค้าพลังงานทรงตัว ทว่าราคาอาหารส่วนใหญ่อาจปรับตัวสูงขึ้น ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน จะอยู่ที่ระดับ 2.0% ทั้งนี้ คาดว่าระดับเงินเฟ้อที่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่กดดันให้ ธปท. ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยตามธนาคารกลางอื่นๆ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้ายังไม่ได้กระจายเป็นวงกว้าง
“ในสัปดาห์นี้ไฮไลต์สำคัญจะอยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ที่อาจส่งผลต่อทิศทางตลาดการเงินในช่วงนี้ได้ นอกจากนี้ ตลาดจะยังคงติดตามรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยหากผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ตลาดหุ้นโดยรวมอาจเริ่มทรงตัวได้” นายพูน กล่าว
