GTG เดินหน้าจุดพลุตลาดกัญชงในประเทศเต็มสูบ กางแผนสร้างการรับรู้กระตุ้นตลาดเจาะตลาดB2C หนุนกัญชงขึ้นแท่นพืชเศรษฐกิจใหม่ให้สำเร็จ จัดมหกรรม “RAKSA CBD EVENT BY GTG” ยกขบวนสินค้าและบริการ เจาะตลาดกัญชงเต็มสูบ พร้อมเปิดตัว CBD Everyday Balm บาล์มอเนกประสงค์ คอนซูเมอร์โปรดักส์ชูโรงตัวแรก ราคาย่อมเยาให้คนไทยทุกวัยได้ทดลอง หวังผลบอกต่อซื้อซ้ำในตลาดสกินแคร์ แย้มครึ่งปีหลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มอาหารเพิ่ม หวังสร้างดีมานด์ต่อยอดธุรกิจB2B ชี้ตลาดมีมูลค่ากัญชงไทยมหาศาลคาดปี คาดปี 68 มีมูลค่า 15,770 ล้านบาท และโตเฉลี่ย 126% ต่อปี ปักเป้าเติบโตปีละ 55 %
นายกฤษณ์ ธีรเกาศัลย์ กรรมการผู้จัดการและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (Golden Triangle Group Co., Ltd.) หรือ ‘GTG’ เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมทำตลาดกัญชงเชิงพาณิชย์ในประเทศอย่างเต็มรูปแล้วภายหลังจากการการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์กัญชงภายใต้ชื่อ “RAKSA” (รักษา) เป็นสายพันธุ์ของตนเองด้วยกระบวนการปลูกที่มีคุณภาพและมาตรฐานในโรงปลูกที่ผ่านการรับรองจาก FDA จนสามารถนำส่วนของดอกที่มีคุณภาพมีส่วนประกอบของสาร THC ต่ำกว่า 0.2% ตามที่กฎหมายกำหนดและยังมีสาร CBD 15.8% จนได้เป็นสารสกัด RAKSA CBD Full-Spectrum คุณภาพสูงรายแรกของเอเชียซึ่งใช้เวลาวิจัยและพัฒนามานานกว่า 3 ปีนับตั้งแต่ปี 2562 โดยมองว่าการกระตุ้นความต้องการหรือดีมานด์ในตลาดประเทศจะเป็นปัจจัยความสำเร็จในการผลักดันกัญชงให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศนอกหนือจากการรักษาคุณภาพและมาตรฐาน โดยมีหัวใจสำคัญคือการสร้างการรับรู้และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเกิดการบอกต่อและซื้อซ้ำ ผ่านกลยุทธ์การสร้างการรับรู้ทดลองผ่านงานโรดโชว์ทั่วประเทศไปพร้อมกับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์คอนซูเมอร์โปรดักส์
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัว “CBD Everyday Balm หรือ บาล์มอเนกประสงค์” ในมหกรรม “RAKSA CBD EVENT BY GTG” ซึ่งเป็นคอนซูเมอร์โปรดักส์ตัวแรกในกลุ่มสกินแคร์ซึ่งผลิตจากสารสกัด RAKSA CBD Full-Spectrum ที่คงสารธรรมชาติทั้งหมดของพืชสกุลกัญชงไว้ครบถ้วนรายเดียวของเอเชียที่สกัดจากกัญชงสายพันธุ์ไทยภายใต้ชื่อ “RAKSA” (รักษา) โดยภายในงานมหกรรม “RAKSA CBD EVENT BY GTG” ได้ยกขบวนสินค้าและบริการที่ผลิตจากสารสกัด RAKSA CBD Full-Spectrum เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมและใช้ผลิตภัณฑ์จากกัญชงของ GTG และจากพันธมิตรทางธุรกิจ และยังรวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของกัญชง
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ CBD Everyday Balm บาล์มอเนกประสงค์ มีเป้าหมายทำการตลาดในกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป (Consumer) เป็นหลัก เพื่อให้ได้ทดลองใช้และสัมผัสสรรพคุณด้านการรักษาของสายพันธุ์กัญชง RAKSA CBD Full-Spectrum ของ GTG ในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากจัดเป็นสินค้าที่คนไทยนิยมมีไว้ติดบ้านและพกติดตัวตลอดเวลา เหมาะสำหรับตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ อีกทั้งยังเป็นสินค้าราคาย่อมเยา ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสเข้าถึงสรรพคุณด้านการรักษาจนเกิดการบอกต่อในช่วงครึ่งปีหลัง GTG จะเปิดตัวในกลุ่มเครื่องดื่ม อาหาร และตลอดทั้งปีนี้ตั้งเป้าเปิดตัวสินค้าเพิ่มเติมอีกกว่า 10 รายการ เพื่อสร้าง Economy of scale ของตลาดกัญชงในภาคธุรกิจอื่นๆ ทั้งกลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ยาเวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อปูทางต่อยอดขยายกลุ่มลูกค้าไปในตลาด B2B ในอุตสาหกรรมเหล่านี้
อย่างไรก็ดีตลาดกัญชงในประเทศไทยมีมูลค่ามหาศาลตามมูลค่าตลาดสุขภาพความงามและการแพทย์เนื่องจากเป็นสมุนไพรธรรมชาติที่มีสรรพคุณด้านการรักษาสามารถตอบโจทย์เทรนด์ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติหรือออแกนิคที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล กลุ่มแม่และเด็ก และผู้สูงอายุ ที่มีการขยายตัวประมาณ 20% ในช่วงปี 2560-2564 สอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีที่ระบุเอาไว้ว่าใน 2564 คาดว่าอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่มีกัญชงผสมจะมีมูลค่า 280 ล้านบาท รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากกัญชง 240 ล้านบาท ยาและอาหารเสริมจากกัญชง 50 ล้านบาท เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยใยกัญชง 30 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลประเมินว่ายังอยู่ในช่วงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการนำกัญชงไปใช้มูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท รวมทั้งคาดการณ์ว่าตลาดกัญชงไทยจะมีมูลค่าสูงถึง 15,770 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2568 หรือเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 126% ต่อปี ซึ่งในปีนี้ GTG ตั้งเป้ารายได้ 270 – 300 ล้านบาทและเฉลี่ยเติบโตปีละ 55% และอีก 3 ปีคาดว่าจะสามารถมีส่วนแบ่งทางการตลาดได้ถึง 6.3% จากมูลค่ารวมของตลาดสินค้ากัญชงไทย
“ปัจจัยสำคัญของการสนับสนุนให้กัญชงในประเทศเพื่อเป็นบันไดก้าวแรกของการผลักดันกัญชงให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศได้สำเร็จ จำเป็นจะต้องสนับสนุนให้มีการใช้สารสกัดจากกัญชงในตลาดสินค้าคอนซูเมอร์อย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่ม เครื่องสำอาง ของใช้ดูแลส่วนบุคคลในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แชมพู รวมไปถึงกลุ่มยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสร้างความเข้าใจและการรับรู้เพื่อตอบโจทย์ตลาดสินค้าคอนซูเมอร์ว่าสารสกัด CBD จากกัญชงไม่ใช่สารมึนเมาอีกต่อไป แต่เป็นส่วนประกอบที่มีสรรพคุณในการรักษาและดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ และหัวใจสำคัญคือการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของกัญชงไทยเพื่อสร้างมูลค่าให้กับกัญชงให้ยืนอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน” นายกฤษณ์ กล่าวเสริม