‘จุรินทร์’ โชว์แผนรับวิกฤตซ้อนวิกฤต ดันส่งออกเป็นพระเอก ยึด ‘วิน-วินโมเดล’ แก้ปัญหาสินค้าแพง

‘จุรินทร์’ โชว์แผนรับวิกฤตซ้อนวิกฤต ดันส่งออกเป็นพระเอก ยึด ‘วิน-วินโมเดล’ แก้ปัญหาสินค้าแพง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การสนับสนุนการค้าของไทยกับนานาชาติ” ในสัมมนาสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย “Enhance the Dots” ว่าประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤตโควิด-19 ไม่ว่าวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตโควิด-19 และมาเจอวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครนซ้อนซ้ำเข้ามาอีก สิ่งที่อยากให้เราคิดบวกคือมันไม่ได้เจอวิกฤตซ้อนวิกฤตเฉพาะประเทศไทย เจอกันทั้งโลก ไทยเป็นเพียงหนึ่งในนั้น ผลกระทบมันกระทบทั้งโลก

นายจุรินทร์กล่าวว่า ไปดูตัวเลขไอเอ็มเอฟก่อนเกิดวิกฤตมีแค่วิกฤตโควิดกับเศรษฐกิจ คาดการณ์ว่าจีดีพีโลกปี 2565 น่าจะโตได้ 4.4% แต่เจอวิกฤตซ้อนวิกฤตลดเหลือ 3.6% ประเทศไทยก็เหมือนกันคาดการณ์ว่าปี 2565 จีดีพีจะโต 3.5-4.5% ล่าสุดประเมินใหม่เหลือ 3.5% เป็นตัวเลขฐานต่ำสุด เป็นโลกแห่งความเป็นจริงว่าจะเดินไปทางไหนเมื่อเจอวิกฤตซ้อนวิกฤต ตัวที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยคือการส่งออกยังเป็นพระเอกต่อไปในปี 2565 ซึ่งปีที่แล้วการส่งออกคิดเป็น 58% ของจีดีพี ในนี้เป็นสินค้า 53% บริการ 5% เดิมตั้งเป้าส่งออกปีนี้จะโต 3-4% แต่หลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนประมาณการณ์ใหม่กลายเป็นว่าบวกเพิ่มเป็น 6-8%

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินการส่งออกจะขยายตัว 6% กระทรวงการคลังคาดว่าจะขยายตัว 7% แต่ว่าไตรมาสแรกขยายตัวแล้ว 15% นำเงินเข้าประเทศแล้ว 2.4 ล้านล้านบาท เฉพาะเดือนมีนาคมขยายตัว 19.5% นำเงินเข้าประเทศ 922,313 ล้านบาท และกำลังจะแตะ 1 ล้านล้านบาทต่อเดือน และปีนี้ตั้งเป้าจะนำเงินเข้าประเทศ 9 ล้านล้านบาทเป็นอย่างต่ำ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเรานำเงินเข้าประเทศได้ 8.5 ล้านล้านบาทและเชื่อว่าจะเป็นไปได้เพราะ 3 เดือนสามารถนำเงินเข้าประเทศได้แล้ว 2.4 ล้านล้านบาทแล้ว ถ้ารวม 4 ไตรมาสก็กว่า 10 ล้านล้านบาทแล้ว

“สำหรับส่งออก ไก่ ประสบความสำเร็จเพราะเรารุกมา 1 ปีเต็ม โดยสั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งเจรจากับประเทศซาอุดีอาระเบียขอส่งออกไก่ มาตรวจโรงงานและเมื่อท่านนายกรัฐมนตรีไปเปิดสัมพันธ์ให้จึงวิ่งฉิว หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์เราส่งออกไก่ล็อตแรกในประวัติศาสตร์หลังไม่ได้ส่งมาเกือบ 20 ปี และจะส่งไปประเทศอื่นในตะวันออกกลางอีกมาก

Advertisement

“ส่วนข้าวปีที่แล้วส่งออกได้ 6.1 ล้านตัน ปีนี้ตั้งเป้าจะส่งออก 7-8 ล้านตัน เป็นสัญญาณว่าการส่งออกยังเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของประเทศไทย แต่การท่องเที่ยวก็สำคัญที่ต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกับการส่งออก หลังติดโควิดวันนี้การท่องเที่ยวเริ่มนับหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะมามีบทบาทสำคัญ เป็นตัวช่วยการส่งออกขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” นายจุรินทร์ระบุ

รมว.พาณิชย์กล่าวว่า ก่อนโควิดท่องเที่ยวของไทยปี 2562 คิดเป็น 11% ของจีดีพี ปี 2563 เหลือ 2.7%ของจีดีพี และปี 2564 เหลือ 0.9% ของจีดีพี จากนี้เป็นหน้าที่ของทุกคนช่วยกัน และตั้งเป้าปีนี้จะนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ 20 ล้านคน เป็นความหวังที่จะนำการท่องเที่ยวมาเป็นตัวช่วยการส่งออกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย นอกจากการลงทุนภาครัฐและเอกชน การบริโภคและอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

“ปีนี้กระทรวงพาณิชย์มีการบ้าน 3 ข้อที่ต้องทำงานร่วมกัน คือ 1.ต้องผลักดันการส่งออกต่อไปให้เข้มข้นขึ้น 2.ต้องช่วยดูแลราคาพืชผลการเกษตร สำหรับคนตัวเล็กคือเกษตรกรที่เป็นเศรษฐกิจฐานราก ทำให้พวกเราเดินหน้าเศรษฐกิจฐานรากต่อไปได้ 3.ดูแลค่าครองชีพของผู้บริโภคคนไทยทั้งประเทศ ทั้ง 3 เรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษในปีนี้ โดยเดินหน้าด้วยนโยบายผสมผสานทั้งเชิงรุกและต้องลึกต้องไปด้วยกัน” รมว.พาณิชย์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า รูปธรรมที่จะเกิดขึ้นสำหรับการส่งออก 1.กรอ.พาณิชย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ส่งออกได้ 8.5 ล้านล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว ต่อไปต้องมี กรอ.พาณิชย์ในแต่ละภาค เกิดที่ภาคใต้แล้วที่หาดใหญ่ล่าสุด ภาคอีสานไปอุบลราชธานีหรือโคราช ภาคเหนือไปพิษณุโลก ภาคตะวันออกไประยอง 2.เรื่อง FTA ปัจจุบันมีกับ 18 ประเทศ 14 ฉบับ ครอบคลุมมูลค่าการค้า 2 ใน 3 ของมูลค่าการค้าที่ไทยทำกับทั้งโลก แต่ต้องรุกและลึกมากขึ้น ซึ่ง Mini-FTA ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม กับระดับรัฐและมณฑลหรือเมืองที่มีศักยภาพทางการค้า 3.สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก ทำแผนใหม่ทั้งรุกและลึกขึ้น ปี 2565 เจาะสินค้า บริการเป็นรายพื้นที่ 4.การค้าชายแดน เปิดด่านแล้ว 48 ด่าน จาก 97 ด่านทั่วประเทศ จากนี้ไปเจาะลึกมาก เพื่อนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด 5.สร้างคนรุ่นใหม่ อบรมให้ความรู้หลักสูตรพิเศษ เดินหน้าโครงการปั้น Gen Z เป็น CEO ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา ทำได้กว่า 20,000 คน ปีนี้ตั้งเป้า 20,000 คน และมี CEO เชิงลึกสินค้า ทำให้เกิด CEO Gen Z ฮาลาล ที่จังหวัดชายแดนใต้ โดยปีนี้จะปั้นให้ได้ 1,000 คนเป็นแม่พักบุกตลาดฮาลาลในอนาคต ซึ่งนโยบายปีนี้จะรุกและลึกมากขึ้น

นายจุรินทร์กล่าวว่า ด้านราคาพืชเกษตรในปีนี้ดีเกือบทุกตัว เมื่อวานประชุมส่งออกผลไม้เปลี่ยนแผนเพราะติดอุปสรรคการส่งทางบก จากนโยบายซีโร่โควิดของจีน ซึ่งเรื่องหนึ่งที่แก้ไม่ได้คือการสั่งให้รัฐบาลจีนเปลี่ยนนโยบาย ต้องยอมรับว่านโยบายซีโร่โควิดยังอยู่กับเรา ตราบที่จีนยังไม่เปลี่ยนนโยบาย ภายใต้เงื่อนไขจำกัดนี้ เมื่อไหร่ที่ด่านปิดต้องรีบเจรจาให้เปิด โดยแผนการส่งออกปีนี้เปลี่ยนจากทางบก 48% มาเหลือ 10.5% เพิ่มทางเรือจาก 52% เป็น 83% และทางอากาศจากไม่ถึง 1% เป็น 6.5% และจากนี้ได้ตั้งวอร์รูมให้ผู้ประกอบการทุกฝ่ายมีการประชุมตลอด และได้เปิดพาณิชย์ Fruit Festival 2022 กว่า 10,092 จุดจำหน่ายผลไม้ในประเทศ

“และสุดท้ายเรื่องค่าครองชีพเป็นการบ้านข้อใหญ่ ซึ่งเจอกับทุกประเทศในโลก เนื่องจากเงินเฟ้อ ราคาขึ้นเพราะราคาน้ำมัน พลังงานเพิ่มสูงขึ้น ต้องจับมือกันแก้ทั้งรัฐบาลและกระทรวงอื่นๆ ทั้งภาคเอกชน โดยหลักการทำงานคือ 3 ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราคาสินค้าคือ 1.ต้นน้ำ เกษตรกร 2.กลางน้ำ ผู้ประกอบการกับผู้ส่งออก 3.ปลายน้ำ ผู้บริโภค ซึ่งผลประโยชน์ย้อนแย้งกันอยู่ จะใช้ ‘วิน-วินโมเดล’ ทำอย่างไรให้ทั้ง 3 ฝ่ายอยู่กันได้ด้วยดี แม้บางฝ่ายอาจจะต้องลดผลประโยชน์ลงไปบ้างแต่ให้อยู่ได้ ด้วยความยุติธรรมเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ของประเทศ

“มั่นใจว่าในการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสภาหอการค้า สภาหอการค้าต่างประเทศและจังหวัด พวกเราทุกคนจะช่วยกันจับมืออย่างเข้มข้นภายใต้นโยบายเชิงรุกและเชิงลึก ให้ฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ขอให้สภาหอการค้าทั่วประเทศสู้ๆ และมั่นใจว่าจะฝ่าวิกฤตซ้อนวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยสวัสดิภาพทุกคน” นายจุรินทร์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image