กสิกรไทย สำรวจผู้ปกครองกทม.-ปริมณฑล เน้นควักเงินออม ยืมญาติ รูดบัตรเครดิต

กสิกรไทย สำรวจผู้ปกครองกทม.-ปริมณฑล ส่วนใหญ่ควักเงินออม ยืมญาติ รูดบัตรเครดิต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า จากสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลาย ทำให้นักเรียนสามารถกลับไปเรียนที่โรงเรียนได้ตามปกติ เริ่มทยอยเปิดเรียนวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 การเปิดภาคเรียนใหม่ในปีนี้ ผู้ปกครองกังวลเรื่องภาวะค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของบุตรหลาน จากผลสำรวจพบว่า ผู้ปกครอง 70.8% มีความกังวลปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินในการใช้จ่ายเพื่อการศึกษา แต่ด้วยการศึกษาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบุตรหลาน ผู้ปกครองในกลุ่มที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจำเป็นต้องก่อหนี้เพื่อนำมาใช้จ่าย จากการประเมินมูลค่าการใช้จ่ายด้านการศึกษาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล อาจเพิ่มขึ้นประมาณ 2.0% เมื่อเทียบกับผลสำรวจในช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมีมูลค่าประมาณ 26,900 ล้านบาท

ทั้งนี้ได้จัดทำการสำรวจมุมมองผลกระทบและการปรับตัวในการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียนระดับชั้นอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ท่ามกลางภาวะค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น จากกลุ่มตัวอย่าง 500 คน ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งมีประเด็นสำคัญจากผลสำรวจ พบว่า สิ่งที่ผู้ปกครองมีกังวลมากที่สุด70.8% คือปัญหาเรื่องราคาสินค้าและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ รองลงมา 56.8% คือเรื่องการแพร่ระบาดโควิด ขณะเดียวกัน ผู้ปกครองกว่า 43.2% มีความมั่นใจที่บุตรหลานจะได้กลับเข้าไปเรียนที่โรงเรียน

อย่างไรก็ตาม สำหรับแหล่งเงินที่ผู้ปกครอง 41.8% นำมาใช้จ่ายส่วนใหญ่จะมาจากเงินออม และมาจากแหล่งเงินอื่นๆ เช่น บัตรเครดิต ยืมญาติ/เพื่อน รองลงมา 30.4% คือผู้ปกครองใช้เงินออมของตนทั้งหมด ทั้งนี้ มีผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่มีเงินออมไม่เพียงพอจำเป็นต้องพึ่งพาแหล่งเงินจากที่อื่น 27.8% และในภาวะดังกล่าว กลุ่มตัวอย่างกว่า 82.6% มองว่า ในช่วงเวลานี้ รัฐควรมีมาตรการเพื่อมาช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา หรือด้านอื่นๆ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า สำหรับค่าใช้จ่ายที่ปรับขึ้นในปีนี้มาจากปัจจัยเฉพาะ อาทิ ค่าเทอมและค่าธรรมเนียม โดยคำนวณส่วนโรงเรียนรัฐและเอกชน ไม่รวมโรงเรียนนานาชาติ เฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 0.7% จากผลสำรวจในปีที่ผ่านมา หรือมีมูลค่า 22,700 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่าผลสำรวจในปี 2563 (มีมูลค่าประมาณ 22,965 ล้านบาท) โดยค่าใช้จ่ายที่ปรับขึ้น อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายเพื่อการศึกษา เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์การเรียน ชุดนักเรียน รองเท้า และค่าใช้จ่ายอื่นๆปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมถึงใช้จ่ายส่วนการเรียนกวดวิชาและเสริมทักษะ แม้นักเรียนสามารถกลับไปเรียนได้แล้ว แต่ความกังวลเรื่องโควิดและปัญหากำลังซื้อทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นไม่มาก

Advertisement

ทั้งนี้ มูลค่าการใช้จ่ายเพื่อการศึกษาของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงเปิดเทอมปีนี้ที่เพิ่มขึ้นข้างต้น อาจไม่ได้สะท้อนว่าธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีทิศทางที่ดี แต่เป็นผลจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้าที่ได้รับผลกระทบมากจากการระบาดของโควิด รวมถึงผลด้านราคาและค่าครองชีพ ขณะที่ ผู้ปกครองจำเป็นต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน โดยอาจพิจารณาเลือกตัดลดหรือประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก้อนอื่นๆ ควบคู่กับการหาแหล่งรายได้อื่นเข้ามาเพิ่มทดแทน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image