‘ไทย-ซาอุฯ’ ถกชื่นมื่น ฟื้นสัมพันธ์การค้า

‘ไทย-ซาอุฯ’ ถกชื่นมื่น ฟื้นสัมพันธ์การค้า

คณะผู้แทนไทย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน 138 คน ที่นำโดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเยือนของคณะนักธุรกิจของไทยที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 32 ปีลงแล้ว โดยได้รับการยืนยันจากนายดอนว่าเป็นการเยือนที่ประสบความสำเร็จ เพราะทำให้ฝ่ายซาอุฯตระหนักว่าไทยสามารถเป็นมิตรที่ดี เป็นคู่ค้า และเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจให้กับเขาได้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะช่วยให้เกิดความเป็นหุ้นส่วนที่ยั่งยืนระหว่างสองประเทศต่อไป

ผู้แทนภาคธุรกิจที่เข้าร่วมในการเดินทางครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงจาก 38 บริษัท อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประกอบโครงสร้างพื้นฐาน เกษตรและอาหาร พลังงานและเคมีภัณฑ์ อสังหาริมทรัพย์ วัสดุก่อสร้าง ยานยนต์ การบิน เทคโนโลยีและดิจิทัล อัญมณีและเครื่องประดับ ท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงธุรกิจสุขภาพ ระหว่างการเยือนยังมีการจัดงานจับคู่ทางธุรกิจขึ้นทั้งที่ในกรุงริยาดและนครเจดดาห์ เมืองเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของซาอุฯ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดียิ่ง

ด้านกระทรวงการลงทุนของซาอุฯก็ได้จัดงานสัมมนาใหญ่ด้านการลงทุนในเวที “Saudi-Thai Investment Forum” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ศักยภาพทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกัน ทั้งยังพาคณะให้ไปเยี่ยมชมมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี King Abdullah University of Science and Technology (KAUST) และเขตเศรษฐกิจพิเศษ King Abdullah Economic City (KAEC) เพื่อให้เห็นถึงแนวทางในการพัฒนาประเทศและศักยภาพของซาอุฯในด้านต่างๆ ด้วย

“สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจว่า กิจกรรมครั้งนี้ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการเดินทางเยือนซาอุฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา นับเป็นการเปิดประตูให้กับภาคเอกชนครั้งสำคัญ และเป็นโอกาสให้ภาคเอกชนไทยได้พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการตัวจริงของซาอุฯที่เป็นระดับชั้นนำ ทั้งในกรุงริยาดและที่นครเจดดาห์ ถือเป็นการเดินทางที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย

Advertisement

เราเห็นได้ว่านักธุรกิจชาวซาอุฯมีความพร้อมที่จะเจรจาเลย และอยากจะเริ่มทำอะไรกับนักธุรกิจไทยในลักษณะที่จับต้องได้ โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านสุขภาพและการบริการ สำหรับเรื่องการท่องเที่ยวเขาอยากเห็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ เรื่องอาหารก็เป็นสิ่งที่ฝ่ายซาอุฯให้ความสนใจมาก นอกจากนี้ ยังมีเรื่องสินค้าเทคโนโลยีและสินค้าเคมีภัณฑ์ด้วย เรายังได้เชิญให้นักธุรกิจซาอุฯมาชมงาน THAIFEX ในปีนี้ที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 25-28 พฤษภาคม แต่เนื่องจากเวลากระชั้นชิด ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถเดินทางมาได้ทันหรือไม่ แต่ก็ได้เชิญให้เขามาร่วมงานในครั้งต่อไป รวมถึงอาจนำเอาสินค้าอย่างอินทผาลัมมาจำหน่ายในงานด้วย

ประธานหอการค้าระบุถึงสิ่งที่จะเกิดหลังจากนี้คือ กระทรวงการลงทุนของซาอุฯและสภาหอการค้าซาอุฯก็จะร่วมกันนำนักธุรกิจมาเยือนประเทศไทยในเดือนมิถุนายน โดยหอการค้าจะร่วมมือกับภาครัฐเตรียมการรับการเดินทางมาของคณะดังกล่าวต่อไป ขณะนี้ได้มีการเตรียมงานไปแล้วว่าจะพาไปชมในจุดใดบ้าง เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ของซาอุฯไม่เคยเดินทางไปประเทศไทย หลายคนที่พูดคุยยังไม่รู้จักทุเรียนไทย ถ้ามีโอกาสเดินทางมาเยือน ได้สัมผัสกับคนไทยรวมถึงอาหารไทยที่เขาชื่นชอบอยู่แล้ว ก็จะทำให้เราสามารถขยายความสนใจในสินค้าอื่นๆ อาทิ ผลไม้ไทย ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากเช่นกัน

จากการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย KAUST ทำให้พบว่าซาอุฯให้ความสนใจเรื่องเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก มีการเตรียมความพร้อมเพื่อมุ่งสู่เทคโนโลยีและการวิจัย เพื่อรองรับอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งซาอุฯคาดหวังให้ไทยเข้ามามีความเชื่อมโยงกับเขาในด้านนี้ด้วย คิดว่าเป็นโอกาสและเป็นเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยก็กำลังมุ่งไปสู่เทคโนโลยีสมัยใหม่ นวัตกรรม และพลังงานที่นำกลับมาใช้ได้ใหม่อยู่แล้ว และระหว่างที่ฝ่ายซาอุฯเดินทางมาไทยก็จะจัดให้ได้ไปดูโครงการของอีอีซีด้วย

Advertisement

นอกจากนี้ ฝ่ายซาอุฯยังสนใจอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ EV และต้องการแรงงานจากไทยมาทำงานในอุตสาหกรรมส่วนนี้ ขณะที่ไทยมีความยินดีและได้เสนอให้ซาอุฯ
ส่งบุคลากรมาฝึกงานให้กับแรงงานไทยก่อน เพื่อการเตรียมพร้อมส่งแรงงานไทยไปยังซาอุฯได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ฝ่ายซาอุฯยังเห็นถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางในการขยายการค้าการลงทุนไปสู่อาเซียนและเอเชีย ขณะเดียวกันซาอุฯก็เป็นศูนย์กลางที่จะกระจายการค้าการลงทุนของไทยไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาด้วย ซึ่งทั้งสองประเทศสามารถที่จะเชื่อมโยงและสนับสนุนกันและกันได้ โดยภาคเอกชนที่เดินทางร่วมคณะทุกคนบอกว่ามันประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ต้องขอบคุณรัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศที่ได้มีการเตรียมงานอย่างรอบคอบและประสานงานกับสภาหอการค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งยังมีการศึกษาว่ามีธุรกิจด้านใดที่เหมาะสมจะทำการจับคู่ทางธุรกิจร่วมกับฝ่ายซาอุฯ ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นไปตามแผนการที่วางไว้ เป็นการเดินทางที่มีการดูงานอย่างเข้มข้นของภาคเอกชน และไม่เคยเห็นผู้นำภาครัฐอย่างรองนายกฯดอน ที่ใช้เวลากับพวกเราในทุกที่ และทางฝ่ายซาอุฯก็จัดรัฐมนตรีของเขาประกบกับรัฐมนตรีของเราตลอดเวลาเช่นกัน คิดว่าเป็นความริเริ่มที่สุดยอด ภาคเอกชนเราก็จะพยายามทำงานเชิงรุกต่อไป

“จากที่ไทยกับซาอุฯไม่ได้ติดต่อกันมานานถึง 32 ปี นึกว่าพอเจอกันแล้วต้องดูท่าทีกันก่อน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ทุกคนมีความกระตือรือร้นมากและกระหายอยากที่จะพบกัน อยากจะติดต่อทำการค้าโดยเฉพาะการลงทุนซึ่งกันและกัน เขาพร้อมที่จะเปิดใจในการคบค้าสมาคมกับนักธุรกิจไทย สิ่งนี้มาจากความรู้สึกจากใจของเขาและผู้ประกอบการไทยที่มาในครั้งนี้ด้วย เป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ” นายสนั่นกล่าว

ประธานสภาหอการค้าไทยบอกว่า “การพบปะกันครั้งนี้ ซาอุฯเห็นภาพลักษณ์นักธุรกิจไทยว่ามีคุณภาพมาก ทุกคนต่างชื่นชมซึ่งกันและกัน คิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี จะทำให้ต่อไปเมื่อเราทำอะไรก็จะราบรื่นและสะดวกมากขึ้น”

ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในการฟื้นคืนกลับความสัมพันธ์ ที่สะบั้นขาดมา 32 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image