‘ชัยวุฒิ’ ยัน พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล มีผล 1 มิ.ย. ชี้บางธุรกิจปรับตัวไม่ทัน พิจารณารายกรณี

แฟ้มภาพ

‘ชัยวุฒิ’ ยืนยัน พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล มีผล 1 มิ.ย.

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยหลังจบงานเสวนา ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม (Better Thailand Open Dialogue) กรณีการปรับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA ว่ายืนยัน พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 หรือ PDPA จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มิถุนายน 2565 แม้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอให้เลื่อนบังคับใช้กฎหมายไปอีก 2 ปี ว่า ยืนยันว่าไม่มีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยจะบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เช่นเดิม และจะมีการออกประกาศกำหนดมาตรการบางอย่างที่อาจมีผลบังคับใช้ในกฎหมายลูก เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ได้นำไปปรับใช้ โดยจะมีการแถลงอีกครั้งในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ ซึ่งอาจมีธุรกิจบางประเภทที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือปรับตัวไม่ทันจริงๆ จะพิจารณาเป็นรายธุรกิจ

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ส่วนที่ กกร.เสนอให้เลื่อนออกไป 2 ปี ที่ทำไม่ได้เพราะกฎหมายได้เริ่มใช้มา 2 ปีที่แล้ว ธุรกิจส่วนใหญ่ปรับตัวรับกับกฎหมายแล้ว ทั้งนี้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมาก แต่อยู่ที่การบริหารจัดการการทำงานภายในบริษัทว่านำไปใช้ในลักษณะใดมากกว่า

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายชัยวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของการออกกฎใหม่ลูกมารองรับอีกประมาณ 30 ฉบับ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกฎหมาย และจะทยอยออกประกาศให้ภาคธุรกิจและภาคเอกชนได้ปรับตัวตามมาตรการ โดยกฎหมายลูกจะมีระยะเวลาผ่อนผันและจะประกาศใช้ต่อไป คาดว่าบางบริษัทที่ยังไม่ปรับใช้กฎหมายอาจมีการฟ้องร้อง แต่ช่วงแรกคงจะเป็นการเตือน อาจไม่ได้ลงโทษจริงจัง เนื่องจากเป็นการพิจารณาตามลักษณะความผิด โดยวิธีการนำข้อมูลไปใช้โดยวิธีใดจะเป็นความผิดชัดเจนหรือไม่ อีกทั้งการนำข้อมูลไปใช้โดยมิชอบในส่วนที่ผู้ประกอบการ หรือบุคคลใดนำข้อมูลไปขายจนเกิดความเสียหายจะดำเนินการทันที คาดว่าผู้ประกอบการรายย่อย หรือเอสเอ็มอี เช่น คลินิกเสริมความงาม ร้านซ่อมรถ อาจได้รับผลกระทบ แต่อยากให้มีการปรับตัว

Advertisement

“การปรับใช้กฎหมายคือการบังคับไม่ให้บุคคลใดก็ตามนำข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นไปใช้โดยผิดกฎหมาย เป็นกฎหมายที่คุ้มครองประชาชน รัฐมีการช่วยเหลือสำหรับธุรกิจที่ยังปรับตัวไม่ได้ โดยจะยืดระยะเวลาให้ และบางธุรกิจอาจต้องหาแหล่งเงินทุนมาเพื่อปรับใช้กับมาตรการดังกล่าว” รมว.ดีอีเอสยืนยัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image