บีโอไอดึงบริษัทชั้นนำในนิคมฯเหมราชซื้อชิ้นส่วนผู้ผลิตไทย

 

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 บีโอไอ โดยหน่วยพัฒนาการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม (หน่วยบิวด์) จะร่วมมือกับบริษัทเหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) และสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย จัดกิจกรรมผู้ซื้อพบผู้ขาย ครั้งที่ 267-268 เพื่อสรางโอกาสให้ผู้ผลิตรายใหญ่ที่ลงทุนในพื้นที่นิคมฯเหมราชและพื้นที่ใกล้เคียง ได้พบหารือและเจรจาธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหรรมต่างๆ อาทิ ยานยนต์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์

ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมแล้ว อาทิ บริษัท อเมริกัน แอ็คเซิล แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์  บริษัท บ๊อช ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์  บริษัท เบโคไทย จำกัด  ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัท แคทเธอร์พิลลาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและประกอบรถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลหนัก นับเป็นครั้งแรกของบริษัทที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมผู้ซื้อพบผู้ขาย โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะลดต้นทุนการผลิตด้วยการจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าที่มีมูลค่าสูงมากในแต่ละปี

“บีโอไอโดยหน่วยบิลด์ ได้ดำเนินการสนับสนุนและสร้างการเชื่อมโยง สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ ได้ขยายตลาด และเพิ่มช่องทางการทำธุรกิจมากขึ้น  ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายใหญ่เองยังจะได้ข้อมูลผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหม่ที่มีศักยภาพสำหรับจัดหาชิ้นส่วนอุตสาหกรรมที่สำคัญป้อนให้กับบริษัท ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ” น.ส.ดวงใจกล่าว

Advertisement

น.ส.ดวงใจกล่าวเพิ่มเติมว่า บีโอไอให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมในรูปแบบของการช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กิจกรรมผู้ซื้อพบผู้ขาย และกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายชิ้นส่วน ซึ่งล่าสุด บีโอไอได้จัดกิจกรรมตลาดกลางซื้อขายชิ้นส่วนที่นิคมอุตสาหกรรม นวนคร เมื่อเดือนกันยายน 2559 ประสบความสำเร็จด้วยดี มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 120 บริษัท มีการจับคู่ธุรกิจกับเอสเอ็มอีกว่า 150 คู่ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างกันมูลค่าไม่น้อยกว่า 750 ล้านบาท รวมถึงจะก่อให้เกิดการเชื่อมโยงอุตสาหกรรมหรือการติดต่อร่วมกิจกรรมทางธุรกิจกันในอนาคต

 

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image