เศรษฐา ทวีสิน ส่อง Stronger กรุงเทพฯ-ประเทศไทย

เศรษฐา ทวีสิน
ส่อง Stronger
กรุงเทพฯ-ประเทศไทย

เอ่ยชื่อ “เศรษฐา ทวีสิน” บิ๊กบอสบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักนักธุรกิจแถวหน้าของเมืองไทย ที่คนรุ่นใหม่และหลายรุ่น คุ้นเคยในความคิด

แม้ว่า “เศรษฐา” จะเป็นนักธุรกิจ แต่ก็มีจิตใจห่วงใยปัญหาสังคม สถานการณ์บ้านเมือง คู่ขนานไปกับการบริหารงานธุรกิจอสังริมทรัพย์ที่เขาปั้น “แสนสิริ” จนขึ้นแท่นแบรนด์ลักชัวรี่ที่แข็งแกร่งของวงการตลาดที่อยู่อาศัย มียอดขายกว่าปีละ 3 หมื่นล้านบาท

ด้วยบุคลิกเป็นคนที่คิดเร็ว ทำเร็ว กล้าแสดงออก ที่ผ่านมาจึงเห็น “เศรษฐา” สื่อสารเรื่องราวต่างๆ ขององค์กร เศรษฐกิจ สังคม ไลฟ์สไตล์ และการเมือง ผ่านทวิตเตอร์ทุกวัน ด้วยข้อความที่ตรงไปตรงมา อย่างมีจุดยืน จนกลายเป็นซีอีโอสาย Call Out ที่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ และทำให้ “แสนสิริ” ติด 1 ใน 10 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากทำงานด้วย

ในทางธุรกิจ “เศรษฐา” ไม่ได้ดีดลูกคิดดูตัวเลขยอดขาย-ผลกำไรของบริษัทเป็นที่ตั้งอย่างเดียว ยังแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับสังคม ภายใต้เจตนารมณ์ “คนตัวใหญ่ ต้องช่วยคนตัวเล็ก” โดยเฉพาะการลดความเหลื่อมล้ำที่ “เศรษฐา” ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อลดช่องว่างทางสังคม ส่งเสริมความเท่าเทียม และช่วยเหลือเด็กอย่างยั่งยืน

Advertisement

นอกจากร่วมมือกับองค์การยูนิเซฟเมื่อหลายปีก่อน ในการปกป้องสิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กมากกว่า 17 โครงการ เช่น แก้ปัญหาภาวะขาดสารไอโอดีนในเด็ก สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างของแสนสิริ และโครงการอื่นๆ รวมทั้งให้ความช่วยเหลืออย่างไร้พรมแดนต่อเด็กในประเทศไทยและเด็กทั่วโลก

ท่ามกลางวิกฤตโควิด “แสนสิริ” เป็นเอกชนรายแรกๆ ที่ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศ เมื่อครั้งที่ชาวสวนประสบปัญหาอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลราคาสินค้าตกต่ำ ผลผลิตล้น “เศรษฐา” ได้เหมาซื้อแตงโมกว่า 10 ตัน จากเกษตรกรจังหวัดกาฬสินธุ์ แจกจ่ายให้กับชุมชน ลูกบ้านแสนสิริ กว่า 1,000 ครัวเรือน รวมถึงซื้อมะม่วงจากเกษตรกร 6 ตัน ส่งไปช่วยเลี้ยงช้างที่จังหวัดเชียงใหม่ และซื้อลำไย 12 ตัน ส่งตรงจากสวนเกษตรกรจังหวัดลำพูนแจกจ่ายลูกบ้าน ชุมชน แคมป์คนงาน

เมื่อโควิดระบาดหนัก ขยายวงกว้างต่อเศรษฐกิจมากขึ้น “เศรษฐา” เชื่อว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าวัคซีนที่ต้องมีเพียงพอ จัดหาอย่างรวดเร็ว และกระจายอย่างเสมอภาค

Advertisement

จึงเป็นจุดเริ่มต้นโครงการ “วัคซีนทั่วถึง รักษาเท่าเทียม พยุงคนลำบาก” ที่แสนสิริทุ่มงบ 100 ล้านบาท ช่วยสังคมก้าวข้ามวิกฤตนี้ ภายใต้กลยุทธ์ “แสนสิริ และสังคม…คนละครึ่ง” จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มฉีดให้กับพนักงานและครอบครัว 50% และอีก 50% ฉีดให้คู่ค้า-พันธมิตร สังคม

ช่วงโควิดระลอก 3 ยังได้ซื้อวัคซีนโมเดอร์นาเข็มที่ 3 ให้พนักงาน 6,000 คน ร่วมบริจาคก่อสร้างโรงพยาบาลสนามบุษราคัม และเครื่องมือแพทย์อื่นๆ ให้กับกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงตอบรับระบบโฮมไอโซลูชั่นของภาครัฐ ช่วยเหลือลูกบ้านให้กักตัวอยู่ที่บ้านได้ พร้อมปลูกฟ้าทะลายโจร 1 แสนต้นไว้รองรับอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น “เศรษฐา” ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพภาคการศึกษาของประเทศไทย ล่าสุดประกาศเป็นพันธกิจใหญ่ ในการช่วยเด็กเสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษา โดยออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุน 100 ล้านบาท มาเดินหน้าโครงการ “Zero Dropout เด็กทุกคนต้องได้เรียน” นำร่องราชบุรีเป็นจังหวัดแรก

ตามแผนจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565 ใน 3 อำเภอ ได้แก่ สวนผึ้ง จอมบึง และบ้านคา จากนั้นในปี 2566 จะขยายไปอีก 4 อำเภอ และในปี 2567 อีก 3 อำเภอ เพื่อช่วยเหลือทั้งเด็กปฐมวัยและเด็กนอกระบบกว่า 11,200 คน ที่เสี่ยงหลุดจากระบบการศึกษาในจังหวัดราชบุรีให้เป็น “ศูนย์” รวมทั้งสนับสนุนทุนทรัพย์อัตรา 4,000 บาทต่อคน ให้เด็กได้เตรียมความพร้อมก่อนเข้าระบบการศึกษา

“เศรษฐา” กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า เพื่อจุดประกายให้ทุกคนมีส่วนร่วมเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพราะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งแรกในเอเชียที่ออกหุ้นกู้ระดมทุนช่วยพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศ เป็นการลงทุนที่ได้ทั้งผลตอบแทนและลงทุนในอนาคตเด็ก ให้ได้อยู่ในระบบการศึกษา สร้างรากฐานสำคัญช่วยผลักดันให้ประเทศไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง

อีกเป้าหมายสำคัญที่ “เศรษฐา” ตั้งเป้า คือ ให้แสนสิริเป็นบริษัท Net-Zero ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ ในอนาคต ผ่านการพัฒนาโครงการและการก่อสร้าง เช่น ใช้พลังงานจากโซลาร์รูฟติดตั้งในบ้าน พื้นที่ส่วนกลาง หรือติดอีวีชาร์จเจอร์ในบ้านทุกหลังของโครงการ

“ทุกโครงการ เราทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเรื่องการรักษ์โลก พลังงานบริสุทธิ์ การปลูกต้นไม้ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว” เศรษฐากล่าวย้ำ

พร้อมยกตัวอย่างโครงการปลูกต้นไม้ว่า มีโปรเจ็กต์เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อคนกรุงเทพฯ โดยแสนสิริร่วมปลูกต้นไม้ 20,000 ต้นร่วมกับ กทม. จะได้เห็นในครึ่งปีหลังนี้ เพื่อช่วยสานต่อนโยบายปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้นของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร (กทม.)

สำหรับโครงการการปลูกต้นไม้ร่วมกับ กทม. “เศรษฐา” บอกว่า เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญกับการที่เอกชนเอื้อมมือมาช่วยเหลือ และเป็นส่วนหนึ่งผลักดันเรื่องของอากาศบริสุทธิ์ ลดคาร์บอน มลภาวะ ทำให้เรื่องกรีนมันดีขึ้น

เมื่อถามว่ามีข้อเสนอแนะจะทำให้กรุงเทพฯแข็งแรง ประเทศไทยแข็งแกร่งอย่างไร “เศรษฐา” บอกว่า กรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางธุรกิจ ศูนย์กลางประชากร ศูนย์รวมหลายอย่าง ถ้าเกิดกรุงเทพฯแข็งแรง อย่างน้อยก็เป็นฐานให้กับประเทศที่จะเติบโตได้ในอนาคต ดังนั้น ความร่วมมือที่ว่ากรุงเทพฯกับผู้นำประเทศ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง และเป็นที่เรื่องสำคัญ

“ไม่ต้องดูว่ามาจากพรรคไหน มันจะทำให้ง่ายขึ้น เพราะเราเดือดร้อนกันมามากแล้ว และผู้ว่าฯกทม.ก็ได้ฉันทามติอย่างเป็นเอกฉันท์จากประชาชน ผมเชื่อว่า ทุกคนอยากเห็นผู้นำรัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชนตรงนี้และทำงานร่วมกันดีกว่า ในการทำให้ประเทศและกรุงเทพฯเดินไปข้างหน้าได้ ซึ่งเรื่องปากท้องประชาชนสำคัญที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้”

เป็นคำตอบสั้นๆ จาก “เศรษฐา” อยากฟังแบบจุใจ ติดตามกันได้ที่งานสัมมนา “สู่โอกาสใหม่ STRONGER THAILAND” ในวันที่ 22 มิถุนายน 2565 เวลา 09.00-12.00 น. ที่ห้องอินฟินิตี้ 1-2 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จัดโดยหนังสือพิมพ์มติชน สามารถรับฟังได้ทั้งออฟไลน์ และรูปแบบไลฟ์สตรีมมิ่ง ผ่านเฟซบุ๊กในเครือมติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ และยูทูบมติชนทีวี

งานเปิดด้วยการฉายภาพรวมทางเศรษฐกิจไทยจากนี้ โดย “ดนุชา พิชยนันท์” เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ปาฐกถาพิเศษ “สู่โอกาสใหม่ STRONGER THAILAND” จากนั้นฟังบรรยายพิเศษ “ยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อโอกาสใหม่” โดย “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

ก่อนเข้าโหมดเสวนา STRONGER BANGKOK : STRONGER THAILAND กับคู่สนทนาที่สังคมเฝ้ามองอีกคู่ในเวลานี้ ระหว่าง ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีคอลัมนิสต์และพิธีกรชื่อดัง ‘สรกล อดุลยานนท์’ เป็นผู้ดำเนินรายการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image