ปตท.พร้อมเฉือนกำไรค่าการกลั่นช่วย ปชช. กระทุ้งรัฐรณรงค์ประหยัดพลังงาน

ปตท.พร้อมเฉือนกำไรค่าการกลั่นช่วย ปชช. กระทุ้งรัฐรณรงค์ประหยัดพลังงาน

แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีรัฐบาลเตรียมขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน ให้นำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันดีเซล การจัดเก็บค่าการกลั่นน้ำมันเบนซิน โรงแยกก๊าซ เพื่อเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า ทางกลุ่ม ปตท. พร้อมให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ แต่ต้องมีความชัดเจน และอยู่ในอัตราที่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา ปตท.ให้ความร่วมมือ และให้การช่วยเหลือกับประชาชนในกลุ่มเปราะบาง

อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ ปตท.เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีนักลงทุน และผู้ถือหุ้นเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน และได้รับการสอบถามจากนักลงทุน โดยเฉพาะต่างประเทศเข้ามาถึงนโยบายดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถอธิบายได้ เพราะบทบาทหนึ่ง คือการดูแลด้านสังคมสอดคล้องกับเทรนด์ของโลก โดยการทำธุรกิจ ต้องมีนโยบายเรื่องของ ESG

“เป็นเรื่องที่ต้องดูแล โดยเฉพาะกลุ่มผู้เปราะบาง แต่ประเด็นสำคัญสุด คือการรณรงค์ให้เกิดการประหยัดพลังงาน เพราะราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นนอกจากเรื่องสงคราม คือเรื่องของความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นมา ขณะที่กำลังผลิตไม่เพียงพอ ดังนั้น การประหยัด การลดความต้องการใช้จะเป็นเรื่องที่จะทำได้ นอกจากนี้ ในการพิจารณาเรื่องดังกล่าวต้องคิดรอบด้าน เพราะธุรกิจโรงกลั่น มีทั้งช่วงที่ค่าการกลั่นตกต่ำ เจอกับภาวะขาดทุน และในยามที่เกิดภาวะไม่ปกติเช่นปัจจุบันก็เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะช่วยเหลือ” แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับมุมมองต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อน แต่ก็ยังต้องระวังในเรื่องของเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งในเรื่องของดอกเบี้ยหากดูจากผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุด จะเห็นถึงสัญญาณเรื่องดอกเบี้ยของประเทศ โดยประเด็นดังกล่าวนี้ต้องระวัง เพราะหากดอกเบี้ยในประเทศกับต่างประเทศห่างกันมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาเรื่องเงินทุนไหลออกได้

Advertisement

สำหรับแผนธุรกิจของ ปตท.ปัจจุบันยังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ด้วยงบลงทุน 9.11 หมื่นล้านบาท ล่าสุด บริษัทได้ลงทุนโรงงานผลิต EV ด้วยเงินลงทุน 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการ JV ระหว่าง Arun Plus 60% และ Foxconn 40% คาดว่าจะสามารถเดินการผลิตได้ต้นปี 67 ที่ 50,000 คันต่อปี โดยโรงงานดังกล่าวอยู่ในนิคมฯภาคตะวันออก และปัจจุบันมีการซื้อที่ดินเพื่อเดินหน้าก่อสร้างไว้แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image