นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่1-28 ตุลาคม 2559 นักลงทุนต่างขายหุ้นไทยสุทธิ 15,621 ล้านบาทจากก่อนหน้านี้ซื้อสุทธิมาตลอด เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เตรียมพิจารณาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ทำให้ต้องเริ่มปรับพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศเอเชียรวมทั้งไทยและเริ่มโยกเงินไปตลาดอื่นๆ ที่มีผลตอบแทนมากกว่าปัจจุบัน เช่น การถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐแต่เมื่อรวมทั้งปีต่างชาติยังซื้อสุทธิ116,858 ล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันที่ 31 ตุลาคม ว่า ตลาดกำลังให้ความสนใจกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯแต่อาจรวมถึงธนาคารกลางอื่นๆ โดย 2 ข่าวสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คือ การรายงานตัวเลขจีดีพี ไตรมาสที่ 3 ที่รายงานเป็นครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้งของ ของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ ที่ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โอกาสให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งๆที่คดีปิดไปแล้วเมื่อเดือน กรกฎาคมขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของ เฟดแต่ด้วยโอกาสที่ยังสูงมาก และเรื่องของคลินตัน เป็นตัวแปรที่ไม่น่าจะมีผลมาถึงผลการเลือกตั้ง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน การที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อเนื่องจะเป็นผลให้นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ทยอยขายตามเพราะในช่วงนี้เอง ตลาดยังไม่มีข่าวในเชิงบวก และสัปดาห์นี้ ภาพฝ่ายวิเคราะห์ มองเป็นลบ จากการประชุมธนาคารทั้ง 3 แห่ง คือธนาคารกลางญี่ปุ่น (1พ.ย.) , ธนาคารกลางสหรัฐ (1-2พ.ย.) และ ธนาคารกลางแห่งประเทศอังกฤษ (3พ.ย.) ดังนั้นยังแนะนำให้ชะลอการลงทุน ลดการถือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก และหุ้นนั้นไม่มีปัจจัยบวกที่จะพยุงราคาไว้ หุ้นที่แนะนำได้แก่ WICE , BA , TU , LPH มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,484-1,498 จุด