‘ธปท.’ แย้ม ‘กนง.’ จ่อขึ้นดอกเบี้ย ชี้ ศก.ได้พระเอกใหม่หนุนเติบโตต่อ

‘ธปท.’ แย้ม ‘กนง.’ จ่อขึ้นดอกเบี้ย ชี้ ศก.ได้พระเอกใหม่ การบริโภคเอกชน-ท่องเที่ยว หนุนเติบโตต่อ

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 และปี 2566 พระเอกในการช่วยขับเคลื่อนไปต่อคือ การบริโภคของภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยว ตามการบริโภคภาคเอกชนและจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนภาคการส่งออกก็ยังสามารถขยายตัวได้ แต่อาจชะลอลงจากปัญหาเงินเฟ้อ และสงครามรัสเซียและยูเครน โดย ธปท.ประเมินว่า ส่งออกปี 2565 จะขยายตัว 7.9% แต่ปี 2566 จะขยายตัวลดลงเหลือ 2.1% ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของหลายประเทศ

“คาดว่าเศรษฐกิจโลกอาจได้เห็นการชะลอตัวอย่างชัดเจนในปี 2566 ทำให้มองว่าภาคการส่งออกจะชะลอตัวลงด้วย โดยในปี 2565 ไทยอยู่ระหว่างการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่เป็นไปค่อนข้างช้า รวมถึงได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากราคาพลังงาน ส่งผลต่อต้นทุนที่สูงขึ้น และจะสูงอยู่ทั้งปีโดยเฉพาะในไตรมาส 3/2565 ส่วนระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพแม้จะมีจะความเปราะบ้างในบางจุด” นายสักกะภพกล่าว

นายสักกะภพกล่าวว่า รูปแบบการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อกระตุ้นแบบภาพรวมอาจไม่มีความจำเป็นมากนัก หลังจากเศรษฐกิจเริ่มอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทำให้ลักษณะของนโยบายต่อจากนี้ จะเป็นนโยบายเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพ และต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยต้องติดตามข้อมูลใหม่ที่เข้ามาแบบใกล้ชิด ซึ่งนโยบายการเงินมีการส่งสัญญาณการปรับเปลี่ยนชัดเจนมากขึ้น แม้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในรอบที่ผ่านมา จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่เสียงแตกที่ออกมา 4 ต่อ 3 ก็เริ่มมีการมองแล้วว่า ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจมีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว จึงให้สามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยได้แล้ว

นายสักกะภพกล่าวว่า นโยบายทางการเงิน คาดว่า กนง.จะพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยจะติดตามแนวโน้มความเสี่ยงเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะต่อไป เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เข้มงวดเป็นสำคัญ แต่หากเทียบกับคู่ค้าของไทย เงินบาทก็ไม่อ่อนค่าไปมากกว่าคู่ค้า ทำให้การป้องกันความเสี่ยงจึงมีความจำเป็นมากสุด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image