อัพเดตสลากดิจิทัล รัฐลุยฟังก์ชั่นลดราคาถูกกว่า 80 บาท-ดึงคนพิการขายภายในปีนี้ ดีเดย์ 17 ก.ค. ขายแน่ 7.1 ล้านใบ
จากการเปิดขาย “สลากดิจิทัล” บนแอพพลิเคชั่นเป๋าตังอย่างเป็นทางการ จำนวน 5.1 ล้านใบต่องวด ซึ่งผ่านไปแล้ว 2 งวดนั้น ถือว่าได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนที่ดีมาก ในงวดแรกใช้เวลาจำหน่าย 4 วันครึ่ง และล่าสุด งวดที่ 2 ใช้เวลาไป เพียง 2 วันครึ่ง ดังนั้นจากกระแสดังกล่าว คณะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงมีมติให้เพิ่มจำนวนสลากอีก 2 ล้านใบ
โดยจะเพิ่มสลากดิจิทัล 2 ล้านใบ ในวันที่ 17 กรกฎาคม หรือในงวด 1 สิงหาคม 2565 ทำให้เพิ่มเป็น 7.1 ล้านใบ ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถเพิ่มได้ในทันที เนื่องจากสลากงวดวันที่ 1 กรกฎาคม ได้แจกจ่ายไปครบแล้วและในงวดวันที่ 16 กรกฎาคม ได้จัดสรรโควต้าให้ผู้ค้าแล้วเรียบร้อย
สำหรับผู้ค้าที่จะเข้ามาเข้าในระบบเพิ่มเติม สำนักงานสลากฯได้มีเรียกตัวแทนขายสลากดิจิทัลที่สมัครไว้ ตั้งแต่วันที่ 12-30 พฤษภาคม 2565 มาทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัลอีกกว่า 4 พันรายแล้ว
รวมทั้งเรียกคิวผู้สมัครสลากดิจิทัลมาอีก ตามลำดับที่ 15,501-19,500 เข้ามาทำสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายสลากดิจิทัล พร้อมยืนยันตัวตน เปิดแอพพลิเคชั่นถุงเงิน ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2565 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ณ สำนักงานสลาก
แบ่งเป็นลำดับที่ 15,501-16,900 ทำสัญญาวันที่ 28 มิถุนายน ลำดับ 16,901-18,200 ทำสัญญาวันที่ 29 มิถุนายน ลำดับที่ 18,201-19,500 ทำสัญญาวันที่ 30 มิถุนายน และตรวจสอบรายชื่อผ่านเว็บไซต์ www.สลาก80.net
โดยผู้ทำสัญญาต้องชำระเงินค่าสลาก งวด 1 สิงหาคม 2565 ระหว่างวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2565 จำนวน 35,200 บาท หากไม่ทำตามจะถือว่าสละสิทธิ
ด้าน นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ฐานะประธานกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในอีก 2 เดือนข้างหน้า สำนักงานสลากฯ จะพัฒนาระบบการจำหน่ายสลากดิจิทัล บนแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง โดยเปิดตัวเลือกเพิ่ม ให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสลากสำหรับร้านค้าคนพิการได้ รวมทั้งจะมีการพัฒนาให้เป๋าตัง สามารถควบคุมการทำงานด้วยเสียงได้ เพื่อใช้งานสำหรับผู้พิการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับสมาคมคนพิการตาบอด เพื่อพัฒนาให้ตอบโจทย์ผู้จำหน่ายสลากด้วย
นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯจะพิจารณาเพิ่มฟังก์ชั่นการจำหน่ายสลากดิจิทัล ให้ผู้ขายสามารถลดราคาของสลากได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถซื้อสลากในราคาที่ถูกกว่า 80 บาทได้ด้วย
“เป้าหมายในปีนี้ คือ ตั้งเป้าจำหน่ายสลากราคา 80 บาท จำนวน 30 ล้านใบ เพราะเราอยากเห็นประชาชนเป็นผู้ตั้งราคาลอตเตอรี่ อยากเห็นการปฏิเสธการซื้อลอตเตอรี่เกินราคา ซึ่งต้องรู้สึกว่าเขาถูกเอาเปรียบ และไม่ซื้อสลากเกินราคา โดยจะเป็นอีกส่วนที่ช่วยผลักดันให้ลอตเตอรี่ในตลาดราคาถูกลงด้วย ส่วนกรณีที่ผู้ค้าพูดถึงการขายหวยไม่ดีนั้น จะต้องกลับไปถามว่าตัวเองขายราคาเท่าไหร่ หากขายในราคา 80 บาท ก็จำหน่ายได้อยู่แล้ว ซึ่งจะต้องมีการปรับตัว” นายลวรณกล่าว
นายลวรณกล่าวว่า ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการพิจารณาจัดสรรสลากให้ผู้ค้าเกิน 5 เล่ม และจะไม่มีการจำหน่ายสลากเกินจำนวน 100 ล้านใบ โดยอาชีพการจำหน่ายลอตเตอรี่เป็นอีกหนึ่งช่องทางของอาชีพเสริม เพราะการจำหน่ายสลากจะมีรายได้ 9.60 บาทต่อใบ เพราะฉะนั้น ในแต่ละงวดจะมีรายได้ 4,800 บาท และในหนึ่งเดือนจะมีรายได้ 9,600 บาท ซึ่งหากฝากจำหน่ายไว้บนสลากดิจิทัล ก็จะมีเวลาไปทำอาชีพอื่น เช่น การเกษตร รับจ้าง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ค้าด้วย
ขณะที่ นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการศึกษาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาที่กำหนด ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “สลากกินแบ่งรัฐบาล 6 หลัก” และ “สลากตัวเลข 3 หลัก” ว่า ทางสำนักงานสลากฯได้ลงนามในสัญญากับ ม.ขอนแก่นเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่ ม.ขอนแก่นจัดทำแนวทางการการรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด ก่อนจะเปิดเผยรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบตามขั้นตอนกฎหมายในต้นเดือนกรกฎาคม
จากนั้นจึงจะเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนผ่านทางเว็บไซต์ ควบคู่กับการลงพื้นที่เปิดเวทีรับฟังทุกภาคทั่วประเทศภายใน กรกฎาคมนี้ ซึ่งกำหนดไว้ภาคละ 1 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ แต่ทั้งนี้ต้องรอที่ประชุมสรุปว่าจะเป็นจังหวัดใด และวัน-เวลาใด อย่างไรก็ตาม ไทม์ไลน์ทั้งหมดที่วางไว้จะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อสรุปส่งเรื่องให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือบอร์ดพิจารณา ก่อนส่งไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“ผมขอย้ำว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่กำลังจะออกมาไม่ใช่หวย 2 ตัว 3 ตัว เหมือนในอดีต เพราะสิ่งนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ไม่สามารถทำได้ แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดำเนินการอยู่เรียกว่า สลากตัวเลข 3 หลัก ซึ่งมีรูปแบบและวิธีการแตกต่างกัน ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดจะเปิดให้ประชาชนเห็นกันในช่วงการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็น” นายชาญกฤชกล่าว
