เจรจาเอฟทีเอไทย-เอฟตา ราบรื่น ตั้ง 16 กลุ่มถกลึก ก่อนชงอีกรอบ ต.ค.นี้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ประกาศเปิดการเจรจาจัดทำความตกลง FTA ไทยและสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) ซึ่งประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ เมืองบอร์การ์เนส สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ กรมได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม FTA ไทย-EFTA รอบแรก ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพฯ โดยการประชุมครั้งนี้ ได้แบ่งการเจรจาเป็น 2 ระดับ คือ ระดับหัวหน้าคณะเจรจา และการเจรจากลุ่มย่อยโดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม
นางอรมน กล่าวว่า สำหรับระดับหัวหน้าคณะเจรจา ได้หารือเกี่ยวกับภาพรวมของการเจรจารอบแรก ทั้งประเด็นโครงสร้าง แนวทาง รูปแบบการเจรจา และแผนการเจรจาต่อไปในอนาคต โดยฝ่ายไทยเสนอให้ตั้งเป้าหมายให้สามารถสรุปผลการเจรจาให้เสร็จสิ้นภายใน 2 ปี
ส่วนการเจรจากลุ่มย่อย มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม โดยแบ่งเป็น 16 หัวข้อ ได้แก่ 1.การค้าสินค้า 2.กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าและความร่วมมือด้านศุลกากร 3.การอำนวยความสะดวกทางการค้า 4.มาตรการเยียวยาทางการค้า 5.มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 6.มาตรการอุปสรรคเทคนิคต่อการค้า 7.การค้าบริการ 8.การลงทุน 9.พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 10.ทรัพย์สินทางปัญญา 11.การแข่งขัน 12.การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 13.การค้าและการพัฒนาที่ยั่งยืน 14.ความร่วมมือด้านเทคนิคและการเสริมสร้างศักยภาพ 15.ข้อบททั่วไป ข้อบทสุดท้าย และข้อบทเชิงสถาบัน และ 16.การระงับข้อพิพาท โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความเห็นและวางแผนงานสำหรับการเจรจารอบต่อไป รวมถึงจะมีการหารือระหว่างรอบในรายละเอียดที่เข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้การเจรจามีความคืบหน้าโดยเร็ว
“สำหรับการเจรจารอบต่อไป EFTA จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2565 ณ นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์” นางอรมน กล่าว
นางอรมน กล่าวต่อว่า ช่วง 4 เดือนแรก การค้าระหว่างไทย และ EFTA มีมูลค่า 4,436.91 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไป EFTA มูลค่า 2,734.37 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และนำเข้าจาก EFTA มูลค่า 1,702.54 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ เนื้อสัตว์สาหรับการบริโภค