ลุ้นวันนี้!! กกพ. เคาะขึ้นค่าไฟงวดใหม่ ผวาขึ้น 1.39 บ./หน่วย ดันค่าไฟรวมทะลุ 5 บ./หน่วย

ลุ้นวันนี้ กกพ. เคาะขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)งวดใหม่(ก.ย.-ธ.ค.65) หลังเปิดรับฟังความเห็นให้ประชาชนเลือก 3 แนวทาง สูงสุด 1.39 บาทต่อหน่วย

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) กล่าวว่า วันนี้(27 ก.ค.) กกพ.จะพิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที) งวดใหม่(ก.ย.-ธ.ค.65) หลังจากได้มีการเปิดรับฟังความเห็นกับประชาชนต่อข้อเสนอการปรับขึ้น 3 อัตรา สิ้นสุดลงในวันที่ 25 ก.ค.แล้ว

ข่าวอื่น
ราคาทองวันนี้ 27 ก.ค. 65 เปิดตลาดร่วงทันที รูปพรรณขายออกทะลุ 3 หมื่นบาท รีบเลย!!
น้ำมันโลกลงต่อเนื่อง เช็กอันดับไทยเทียบประเทศอาเซียน ถูกหรือแพง!!
ออมสินให้ธุรกิจกู้ 5 แสนบาท ดอกต่ำ ผ่อนนาน 7 ปี กลุ่มไหนได้บ้าง เช็กเลย!!

สำหรับค่าเอฟทีที่สำนักงานกกพ.เปิดรับฟังความเห็นประกอบด้วย 3 แนวทาง ประกอบด้วย

แนวทางที่ 1 ค่าเอฟที อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับจำนวนเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตรา 45.70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่า Ft รวมเป็น 139.13 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 5.17 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ส่วนหนึ่ง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 56,581 ล้านบาท โดยจะคืนเงิน กฟผ. ครบ 83,010 ล้านบาทภายใน 1 ปี

แนวทางที่ 2 ค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับเงินที่ทยอยคืน กฟผ. ที่อัตราน้อยลงที่ 22.85 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟที รวมเป็น 116.28 สตางค์ต่อหน่วย และส่งผลให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.95 บาทต่อหน่วย กรณีนี้จะส่งผลให้คืนเงิน กฟผ. ได้ช้าลง และยังเหลือที่ต้องส่งคืนอีก 69,796 ล้านบาท โดย กฟผ.จะได้รับเงินคืนครบภายใน 2 ปี

ADVERTISMENT

แนวทางที่ 3 ยังไม่คืนหนี้ กฟผ. 83,010 ล้านบาท โดยคิดค่า Ft อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ยังมีส่วนข้อเสนอของ กฟผ. ค่า Ft ขายปลีก เดือน กันยายน – ธันวาคม 2565 เท่ากับ 236.97 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้า (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6.12 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 53% โดยจะทำให้กฟผ. ได้รับเงินที่รับภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าที่แทนประชาชนทั้งหมดจำนวน 83,010 ล้านบาท คืนภายในเดือน ธันวาคม 2565 อย่างไรก็ตามกฟผ.เองได้ทำหนังสือแสดงความเห็นประกอบด้วยว่าควรปรับแนวทางที่ 3 เพื่อดูแลประชาชน