‘ก.ล.ต.’ เปิดโต๊ะรับผู้เสียหาย ‘ซิปเม็กซ์’ ขอข้อสรุปเหตุระงับซื้อขาย ชี้อาจเข้าข่ายมีความผิด 3 กรณี
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากกรณีบริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ระงับการถอนเงินบาท และสินทรัพย์ดิจิทัล (ดิจิทัลแอสเซท) โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2565 มีลูกค้าที่เป็นผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าว รวมกลุ่มเป็นตัวแทนจำนวนประมาณ 50 คน เข้ายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ก.ล.ต. หาข้อสรุปในการช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าของซิปเม็กซ์ โดยเบื้องต้นได้รับหนังสือเอกสารจากผู้เสียหาย และหารือร่วมกัน ซึ่งต่อไปก.ล.ต. จะทำงานร่วมกับลูกค้าของซิปเม็กซ์ เพื่อบูรณาการทำงานด้วยกันทั้งส่วนของหน่วยงานกำกับดูแล หน่วยงานด้านกฎหมาย และผู้เสียหาย โดยกระบวนการสำคัญ 2 เรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการคือ 1.ดูแลผู้ลงทุนที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบ และ 2.การบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของก.ล.ต. เนื่องจากตามใบอนุญาตการประกอบธุรกิจนั้น หากมีการประกอบธุรกิจอื่น จะต้องไม่ทำให้ทรัพย์สินของลูกค้าเกิดความเสี่ยง รวมถึงการนำทรัพย์สินของลูกค้าไปหาดอกผลนั้น ไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะมีการกำหนดขอบเขตไว้แล้วในการให้ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจ
“จิ๊กซอร์สำคัญคือ ข้อมูลการลงทุนของบริษัทที่สิงคโปร์ ซึ่งก.ล.ต. ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะได้สั่งให้บริษัท ซิปเม็กซ์ เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมถึงประสานบริษัท ซิปเม็กซ์ ที่สิงคโปร์ แบบไม่เป็นทางการด้วย เพราะสิงคโปร์ไม่ได้ถือว่าเรื่องลักษณะนี้เป็นความปลอดภัยของธุรกิจ จึงต้องหารือกันเพิ่มเติม ว่าจะสามารถประสานกันเพื่อได้รับข้อมูลเข้ามาได้อย่างไรบ้าง” นางสาวรื่นวดี กล่าว
นางสาวรื่นวดี กล่าวว่า ขณะนี้ได้พิจารณาการกระทำของซิปเม็กซ์ ตามอำนาจหน้าที่ของ ก.ล.ต. ภายใต้ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล พบว่า บริษัท ซิปเม็กซ์ อาจเข้าข่ายความผิด 3 กรณี ได้แก่ 1.ระงับการซื้อขายในบัญชีซื้อขายโดยไม่มีเหตุอันควร จาก 2 กรณีหลักคือ การบำรุงรักษาระบบหรือการพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากซิปเม็กซ์ขออนุญาตในการเป็นศุนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ 24 ชั่วโมง 7 วัน โดยก.ล.ต. ได้แจ้งให้บริษัทเปิดซื้อขายทุกเหรียญดิจิทัลในระบบเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา แต่ข้อมูลจากผู้เสียหายพบว่าเหรียญบางสกุลยังซื้อขายไม่ได้ ทำให้การหารือครั้งนี้จะมีข้อมูลเพิ่มเติมจากฝั่งลูกค้าที่เป็นนักลงทุนจริง นอกเหนือจากที่บริษัทต้องชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตามพ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล กำหนดโทษสูงสุดปรับอยู่ที่ 3 แสนบาท หรือวันละ 10,000 บาทจนกว่าจะมีการแก้ไขให้ถูกต้อง 2.เข้าข่ายประกอบธุรกิจอื่นนอกเหนือจากที่ได้รับใบอนุญาต โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ซิปอัพ พลัส ที่เชื่อมโยงกับการโอนเงินไปยังบริษัทแม่ที่สิงค์โปร์ และ 3.อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายอาญาอื่นๆ นอกเหนือจากก.ล.ต. ซึ่งได้บูรณาการกับหน่วยงานด้านกฎหมายอื่นเพิ่มเติม อาทิ ตำรวจไซเบอร์
“กรณีที่ซิปเม็กซ์มีที่ปรึกษาและผู้ถือหุ้นเป็นคนในตระกูลใหญ่นั้น จะทำให้ ก.ล.ต. ทำงานลำบากหรือไม่ ส่วนนี่ยืนยันว่า ไม่มีผลอะไร เพราะก.ล.ต. ต้องทำงานตามอำนาจหน้าที่ภายใต้ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเข้มแข็งอยู่แล้ว รวมถึงไม่ได้กังวลหรือลำบากใจในการทำงานแต่อย่างใด” นางสาวรื่นวดี กล่าว