‘โกลเบล็ก’ จับทิศหุ้นไทยเดือน ส.ค.นี้ คาดแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,520-1,620 จุด
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนสิงหาคมนี้ ประเมินว่ามีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะไซด์เวย์ อัพ หรือผันผวนแกว่งตัวขึ้น โดยมีแรงสนับสนุนจากปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณครั้งล่าสุดว่า จะลดความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้ หลังจากมีรายงานตัวเลขจีดีพีของสหรัฐ หดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอย จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ในกรอบ 1,520-1,620 จุด
นางสาววิลาสินี กล่าวว่า ปัจจัยในประเทศที่น่าสนใจและส่งผลบวกต่อการลงทุน อาทิ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินแนวโน้มการส่งออกไทยในปี 2565 ดีมาก และคาดว่าการส่งออกในไตรมาส 3/2565 จะขยายตัวได้ถึง 5% เป็นอย่างต่ำ เนื่องจากเงินบาทอ่อนค่าลงมาก รวมทั้งกำลังซื้อสินค้าอาหารในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นจากปัญหาขาดแคลนอาหารจากภาวะสงคราม กระทรวงการคลังยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2565 โตที่ 3.5% จากปัจจัยบวกเรื่องการท่องเที่ยวที่คาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาไทยกว่า 8 ล้านคนมากกว่าเดิม 6.7 ล้านคน รวมถึงล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการคนละครึ่งเฟส 5 คนละ 800 บาท ระหว่างกันยายน – ตุลาคม 2565 ส่วนกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ – กลุ่มเปราะบางได้อีกคนละ 400 บาท และลดภาษีประจำปีรถอีวีระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียน
“แนะนำกลยุทธ์สำหรับการลงทุนในหุ้น 2 กลุ่มเด่น ได้แก่ กลุ่มที่ 1 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งเฟส 5 อาทิ TNP, KK, BJC, MAKRO, CBG, OSP, TKN, ICHI และ SAPPE กลุ่มที่ 2 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการลดภาษีประจำปีรถอีวีระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่จดทะเบียน อาทิ EA, GPSC, FORTH, DELTA และ PIMO” นางสาววิลาสินี กล่าว
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำในเดือนสิงหาคม มีปัจจัยกดดันจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในเดือนนี้ เพราะตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 2/2565 ของสหรัฐที่ประกาศออกมาติดลบต่อกันถึง 2 ไตรมา อยู่ที่ระดับ -0.9% ทำให้ในระยะถัดไปมีโอกาสมากขึ้นที่ทางเฟดอาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ของสหรัฐทำจุดต่ำสุดในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 2.66% สะท้อนถึงตลาดกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายลดลง จึงประเมินว่าราคาทองคำในช่วงเดือนกรกฎาคม ได้ปรับตัวตอบรับข่าวร้ายไปแล้ว อีกทั้งแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจอาจหดตัวได้ ทำให้ทองคำอาจมีแรงซื้อกลับ คำแนะนำซื้อขายในกรอบ 1,700-1,800 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หากไม่หลุดแนวรับ 1,735 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ให้ทยอยเข้าซื้อสะสม