พลังงานขาขึ้น ‘บ้านปู’ มั่นใจ รายได้ปีนี้นิวไฮ แตะ 2 แสนล้านบาท

พลังงานขาขึ้น ‘บ้านปู’ มั่นใจ รายได้ปีนี้นิวไฮ แตะ 2 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตโควิด สงครามรัสเซีย-ยูเครนและข้อขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐ ผลการดำเนินธุรกิจครึ่งแรกปี 2565 ยังคงสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่งทั้ง 3 ธุรกิจหลัก คือ 1.ธุรกิจแหล่งพลังงาน ธุรกิจเหมือง 2.ธุรกิจผลิตพลังงาน ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไป และ 3.ธุรกิจเทคโนโนโลยีพลังงาน

นางสมฤดีกล่าวว่า โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนในครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีรายได้จากการขายรวม 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% มีกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย (EBITDA) 1,543 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 52,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% และมีกำไรสุทธิ 682 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 23,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 634% เป็นผลจากความต้องการใช้พลังงานที่ต่อเนื่องและอุปทานที่มีจำกัด รวมถึงได้ขยายพอร์ตธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาดจากการปิดดีลขยายกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งบาร์เนตต์ ประเทศสหรัฐฯ และจับมือกับพันธมิตรกลุ่มบริษัทเชิดชัย สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออน เพื่อบุกตลาดอีวี และมุ่งไปที่ธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้น รวมทั้งสร้างธุรกิจใหม่ๆและขยายการลงทุนนอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน โดยเข้าไปลงทุนในกองทุนเฮลธ์แคร์ในสหรัฐ

นางสมฤดีกล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปีนี้วางแผนใช้เงินลงทุนประมาณ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ในครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 930 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นธุรกิจก๊าช 750 ล้านเหรียญสหรัฐ, ลงทุนในกองทุนเฮลธ์แคร์ประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐและลงทุนในพลังงานหมุนเวียน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือจะใช้ลงทุนในครึ่งปีหลังยังมีโครงการใหม่รอปิดดีล 2 ดีล

“ผลการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องช่วงครึ่งปีแรก ใช้สูตรเร่งการเติบโต การต่อยอดธุรกิจ ทรานฟอร์มธุรกิจ สร้างคน เพื่อให้คงอยู่ในสภาวะวิกฤตที่ต้องปรับตัวให้เร็ว รวมถึงเป็นผลมาจากสถานการณ์ด้านพลังงานในปีนี้ดีกว่าที่คาดไว้และมีแนวโน้มจะดีต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้ทั้งปี 2565 บริษัทจะมีรายได้จากการขายอยู่ที่กว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2 แสนล้านบาท นับว่าเป็นรายได้สูงที่สุดในรอบ 39 ปีตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ซึ่งเราเคยมีรายได้ทั้งปีถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อ 12 ปีที่แล้ว แต่ปีนี้แค่ครึ่งปีเรามีรายได้ 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 102,496 ล้านบาทแล้ว” นางสมฤดีกล่าว

Advertisement

นางสมฤดีกล่าวว่า สำหรับรายละเอียดผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงานและธุรกิจเหมือง มีผลประกอบการดีจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็นผลจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นในขณะที่อุปทานตึงตัว ส่วนการเข้าซื้อสัดส่วนผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติ และครอบคลุมถึงธุรกิจกลางน้ำบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ส่งผลให้กำลังผลิตรวมของธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปู เพิ่มเป็น 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน

ด้านกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไป สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนธุรกิจพลังงานหมุนเวียน มีการลงทุนขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ และน็อนไห่ กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมการเดินเครื่อง เพื่อให้สามารถจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้เมื่อมีการเรียกกระแสไฟฟ้าจากผู้รับซื้อไฟ

สุดท้ายกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน เร่งเดินหน้าสร้างความเติบโต พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู โดยโครงการที่สำคัญในครึ่งปีแรก ได้แก่ การร่วมเป็นพันธมิตรกับดูราเพาเวอร์ ผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบลิเธียมไอออนระดับโลก และเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับ e-Bus ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2569 พร้อมบุกตลาดรถอีวีในเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งมีการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ไปยังประเทศอินโดนีเซียผ่านบริษัทย่อยของบ้านปู ในการก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากหลังคาโซลาร์ รวม 7.27 เมกะวัตต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image