‘พิพัฒน์’ รุกถกเอกชนถนนข้าวสาร เล็งเปิดผับตี4 ชี้กระตุ้นต่างชาติใช้จ่ายเพิ่ม 25%

‘พิพัฒน์’ รุกถกเอกชนถนนข้าวสาร เล็งเปิดผับตี4 ชี้กระตุ้นต่างชาติใช้จ่ายเพิ่ม 25%

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ เพื่อสำรวจสถานประกอบการ เศรษฐกิจภาคกลางคืน และบรรยากาศการท่องเที่ยวในภาพรวม เบื้องต้นพบว่า การท่องเที่ยวมีความคึกคักสูงมาก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติออกมาเที่ยวสถานบันเทิงอย่างหนาแน่น ซึ่งจากการทักทายนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินผ่านไปมานั้น พบว่ามาจากหลากหลายประเทศ อาทิ เกาหลี อังกฤษ อิสราเอล เนเธอร์แลนด์ และอินเดีย สะท้อนถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงความนิยมในการท่องเที่ยวช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นพฤติกรรมของต่างชาติด้วย ที่ปกติจะเริ่มรับประทานอาหารเย็นประมาณ 22.00 น. เป็นต้นไป โดยในการลงพื้นที่ครั้งนี้มีจุดประสงค์ในการหารือร่วมกับภาคเอกชนในธุรกิจกลางคืนด้วย ตามแนวคิดการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. จากเดิมเปิดได้ถึง 02.00 น. ซึ่งผู้ประกอบการก็ต้องการให้ขยายเวลาถึง 04.00 น. มากจริงๆ โดยประเมินว่าหากสามารถขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงตามเวลาดังกล่าวได้ จะทำให้มีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นกว่า 25%

“นักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ กลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกกลาง ปกติพอทานอาหารเย็นเสร็จประมาณเที่ยงคืนก็จะออกเที่ยวต่อ พอเริ่มดื่มกินกันกำลังสนุกประมาณ 01.00-02.00 น. สถานบันเทิงก็ต้องปิดให้บริการแล้ว ทำให้ไม่สามารตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ จึงมองว่าควรขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงที่ได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวนี้” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า พอได้ลงพื้นที่หารือร่วมกับผู้ประกอบการ ก็มีสอบถามเข้ามาว่าการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น.ที่ว่านี้ จะสามารถเริ่มต้นดำเนินการได้ช่วงใดด้วยซ้ำ ซึ่งส่วนนี้ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ แต่สิ่งสำคัญคือ ผู้ประกอบการในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวหลัก อย่างถนนข้าวสาร จะต้องรวมกลุ่มกัน จัดทำประชาพิจารณ์ จากนั้นต้องทำรายละเอียดเสนอความต้องการเข้ามาที่กระทรวง หากทำการสอบถามความคิดเห็นของคนในชุมชนแล้วไม่ขัดข้อง กระทรวงจะรับหน้าที่นำข้อมูลหารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ต่อไป ซึ่งหากผู้ว่าฯ กทม.เห็นด้วย ก็จะรวบรวมข้อมูลเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เร็วสุดภายในเดือนกันยายนนี้ แต่หากไม่ทันก็จะเป็นเดือนตุลาคมแทน เพื่อให้สามารถเริ่มต้นได้ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ต่อเนื่องจนถึงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ของประเทศไทยพอดี แต่เป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ของยุโรป สหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลี และจีน จึงเชื่อว่าจะหลั่งไหลเข้ามาเที่ยวไทยได้มากขึ้นอีก

Advertisement

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หากผ่านศบค.แล้ว จะนำข้อมูลเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบ จากนั้นก็เหลือเพียงรอประกาศจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อเดินหน้าตามแนวคิดดังกล่าวได้ทันที เนื่องจากเป็นอำนาจของกระทรวงมหาดไทยโดยตรง ซึ่งสิ่งสำคัญในการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงเพิ่มคือ การกำหนดพื้นที่หรือโซนนิ่งให้ชัดเจน และสามารถควบคุมดูแลความเรียบร้อยได้ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการขยายเวลาเปิดผับ บาร์ แบบทั่วประเทศ หรือสนับสนุนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เนื่องจากตอนนี้ต้องยอมรับว่า แม้กำหนดการเปิดถึง 02.00 น. แต่ก็มีแอบเปิดเกินเวลากันอยู่แล้ว รวมถึงแอบซื้อไปดื่มต่อตามมุนอับอยู่ดี ซึ่งส่วนนี้ต่างหากที่น่ากังวล และเป็นอันตราย เพราะไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงในการก่ออาชญากรรมได้ โดยเมืองท่องเที่ยวหลักที่จะศึกษาให้ขยายเวลาดังกล่าว มี 8 พื้นที่หลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ชลบุรี (พัทยา) ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย) และเชียงใหม่ ซึ่งทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับสูงมาก

“ขอยืนยันว่า สิ่งที่คำนึงถึงที่สุดคือ มาตรการดังกล่าวจะต้องไม่กระทบต่อศีลธรรมอันดีของประเทศ ต่อเยาวชน และประชาชนทั่วไป จะต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองไม่ให้ได้รับผลกระทบที่ไม่ดีจากมาตรการดังกล่าว ความสงบเรียบร้อยของประเทศและการมีสังคมที่ดีเป็นสิ่งที่ผมคำนึงถึงตลอดและเป็นอันดับแรก ซึ่งในเรื่องนี้ก็เปิดกว้างในทุกความเห็น อยากให้เราได้คุยและหารือกัน หามาตรการใหม่ๆ ด้วยกัน ร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ปลอดภัย สะอาด ไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงมีความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน” นายพิพัฒน์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image