“ธุรกิจรับสร้างบ้าน” โตสวนกระแส ลุยจัดอีเวนต์โกยยอด ก่อนปรับราคาขึ้นครึ่งปีหลัง

“ธุรกิจรับสร้างบ้าน” โตสวนกระแส ลุยจัดอีเวนต์โกยยอด ก่อนปรับราคาขึ้นครึ่งปีหลัง

วันที่ 22 สิงหาคม นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปี 2565 ตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มดีขึ้น ดูจากผลตอบรับการจัดงานรับสร้างบ้านไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 3,600 ล้านบาท โดยสูงสุดเป็นกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาทและกลุ่มบ้านระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ จังหวัดใหญ่ และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น เขาใหญ่ พัทยา ที่ปลูกไว้เป็นบ้านหลังที่ 2 ขณะที่ตลาดรับสร้างบ้านต่างจังหวัดยังมีความต้องการปลูกบ้านราคา 2.5-3.5 ล้านบาท เพราะเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวจากการเปิดประเทศมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่วนสถานการณ์ตลาดครึ่งปีหลังยังไปได้ดี แม้จะมีปัจจัยลบเรื่องราคาวัสดุยังปรับตัวสูงขึ้นจากสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ การปรับขึ้นอัตราดอกบี้ย ค่าแรงขั้นต่ำ และเสถียรภาพทางการเมือง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดรับสร้างบ้านจะมียอดขายกลับมาอยู่ที่ 12,000 ล้านบาท เท่ากับต้นปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19

นายวรวุฒิกล่าวว่า เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงก่อนส่งท้ายปี ในระหว่างวันที่ 14-18 กันยายน 2565 สมาคมจะจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ เอ็กซ์โป 2022 ภายใต้แนวคิด ”สร้าง-เปลี่ยน-โลก” จะสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการสร้างบ้าน ที่อยู่อาศัยในอนาคต เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ให้สอดรับกับเทรนด์โลกปัจจุบันที่สังคมหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน โดยภายในงานมีบริษัทรับสร้างบ้านและวัสดุกว่า 60 บริษัท นำแบบบ้านกว่า 1,000 แบบ ระดับราคาตั้งแต่ 1-100 ล้านบาทมาให้เลือก และหากจองปลูกสร้างบ้านในงาน รับส่วนลดพิเศษ ของแถมและลุ้นทองคำ มูลค่ากว่า 3 แสนบาทและได้สินเชื่อพิเศษจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้ามียอดจองปลูกสร้างบ้านในงาน 3,500 ล้านบาท

ทั้งนี้จากสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่มซีเมนต์และคอนกรีตซึ่งเป็นวัสดุหลักที่ปรับขึ้นประมาณ 3-5% ในทุกเดือน ส่งผลต่อต้นทุนการสร้างบ้าน 10-15% ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านทุกเซ็กเมนต์ปรับราคาขึ้น 5-10% และมีโนวโน้มในครึ่งปีหลังนี้จะปรับราคาขึ้นอีกอย่างน้อย 2-3% เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่าง เช่น เงินเฟ้อ ราคาวัสดุก่อสร้างยังปรับขึ้นเรื่อยๆ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับขึ้น 5-8% ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำจากที่สมาคมได้เมินในเบื้องต้น หากปรับขึ้น 10-15% จะส่งผลต่อค่าก่อสร้างบ้านทั้งหลัง 5% ทั้งนี้หากรัฐบาลอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 8% กระทบต่อการก่อสร้างบ้าน 3%

นายวรวุฒิกล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง โดยทั้งระบบยังขาดประมาณ 40% เนื่องจากแรงงานทั้งคนไทยและต่างชาติที่กลับประเทศหรือบ้านไปช่วงโควิด ยังไม่กลับเข้ามาในระบบเท่ากับก่อนเกิดโควิด ปัจจุบันกลับมาประมาณ 60% แต่คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นหลังรัฐบาลเปิดให้ขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม

Advertisement

“หลังเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลายธุรกิจเริ่มมีความต้องการใช้แรงงานจำนวนมาก รวมถึงธุรกิจรับสร้างบ้านที่ยังขาดแรงงาน ซึ่งที่ผ่านมาทำให้งานก่อสร้างล่าช้าไปบ้าง และมีการแย่งแรงงานก่อสร้าง โดยเพิ่มค่าจ้าง เช่น จากแรงงานเคยได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 331 บาท จะจ่ายเพิ่มเป็นวันละ 360-370 บาท แต่หลังจากนี้น่าจะคลี่คลายหลังรับผ่อนปรนเรื่องแรงงานต่างด้าวแล้ว” นายวรวุฒิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image