บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ชี้เป้า “อสังหาริมทรัพย์” ที่น่าลงทุนในต่างประเทศ

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการลงทุนในกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจาก มีอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูงอย่างสม่ำเสมอมากกว่า 5.5% ต่อปีมากกว่าอัตราดอกเบี้ยของตราสารหนี้ระยะยาวและระยะสั้น นักลงทุนจึงเลือกลงทุนในทรัสต์เพื่อกระจายความเสี่ยงแทนการลงทุนในตราสารหนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบอัตราการจ่ายปันผลระหว่างกองทรัสต์ในประเทศไทยกับประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตเรียพบว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยสิงคโปร์อยู่ที่ 6% ฮ่องกงอยู่ที่ 5-6% ออสเตรเลียที่ 5% แต่พบว่าสภาพคล่องกองทรัสต์ของไทยอยู่ในระดับต่ำกว่า

สำหรับมุมมองการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศและประเทศไทยนั้น ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าอสังหาริมทรัพย์ที่เหมาะสมในประเทศไทยควรเน้นลงทุนกองที่ลงทุนในสำนักงานให้เช่าและค้าปลีก เนื่องจากอัตราการเช่าอยู่ในระดับสูงเพราะตั้งอยู่ในทำเลคมนาคมที่สะดวกและอุปทานใหม่ค่อนข้างจำกัดจากต้นทุนที่ดินที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้อัตราการเช่าและค่าเช่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉลี่ย 3-5 ต่อปี

ด้านประเทศญี่ปุ่น ควรเน้นลงทุนในโรงแรมและอาคารสำนักงานระดับเอและบี เนื่องจาก ได้รับประโยชน์จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น และรัฐบาลสนับสนุนการท่องเที่ยวอีกทั้งยังขาดแคลนอุปทานโรงแรมในตัวเมือง เช่นโตเกียว สำหรับสิงคโปร์ ควรลงทุนในห้างสรรพสินค้านอกเมืองและดาต้าเซนเตอร์ เนื่องจากไม่กระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยว ขณะที่ฮ่องกง เน้นลงทุนในอาคารสำนักงานในเมือง เพราะยังมีอุปสงค์สูงโดยเฉพาะนักลงทุนจากเมืองจีนในกลุ่มการเงินและการขาดแคลนอุปทานสำหรับอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพที่ดี และห้างสรรพสินค้านอกเมือง ไม่ได้รับผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยว

ส่วนประเทศออสเตรเลียการลงทุนในอาคารสำนักงานในเมืองระดับเกรดเอและบี ที่มีอุปทานที่มีใหม่ค่อนข้างจำกัด ด้านโลจิสติกส์ คลังสินค้า ยังน่าสนใจ เนื่องจากรายได้ประชาชนที่ดีขึ้นจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และ e-commerce ส่งผลให้มีอุปสงค์สูงด้านโลจิสติกส์ คลังสินค้า อีกทั้งอุปทานของศูนย์กระจายสินค้าที่มีคุณภาพยังขาดแคลน

Advertisement

นายมนรัฐ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวกองทุนเปิด แอล เอช พร็อพเพอร์ตี้ พลัส A (LHPROP-A) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยจะมีการเปิดเสนอขายไอพีโอมูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกที่ 5,000 บาท ในวันที่ 10-22 พฤศจิกายน 2559 มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ไม่เกินปีละ 12 ครั้ง และมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image