นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่และหัวหน้านักวิเคราะห์ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า ไทยจะได้รับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ ในด้านการค้าระหว่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งจะเห็นความชัดเจนหลังวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ที่ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ดี มองว่านโยบายที่หาเสียง อาจไม่ถูกนำมาดำเนินการได้ทั้งหมด แต่หากมีการใช้มาตรการกีดกันทางการค้าตามที่ได้ประกาศไว้ จะกระทบการส่งออกของไทยปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าขยายตัว 2% ลดลงมาอยู่ในกรอบ 0 ถึง 1% เท่านั้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ 3.5%
ส่วนกรณีที่สหรัฐฯ จะล้มการเจรจาทีพีพี ทำให้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งไทยเข้าร่วม จะมีความสำคัญมากขึ้น
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน มองว่าในช่วง 1 ปีต่อจากนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้น จะสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ เพราะอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับขึ้น ทำให้เงินจะออกจากตราสารหนี้ไปลงทุนในตลาดหุ้นแทน อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ จะได้อานิสงค์จากนโยบายลดภาษี
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าการดึงการลงทุนจากต่างประเทศกลับเข้าประเทศโดยการเพิ่มภาษีนำเข้า จะไม่กระทบกับไทยมากนัก เนื่องจากธุรกิจสหรัฐที่ลงทุนในไทย เป็นการผลิตเพื่อขายในภูมิภาคเอเชีย และมองว่าการเจรจา TPP ที่น่าจะถูกล้มเลิก เป็นโอกาสที่ทำให้ไทยกลับมาอยู่ในสถานะที่ดีอีกครั้ง โดยเฉพาะภายใต้กรอบความร่วมมือ RCEP